ดิสแพท (Dispatch) เปิดเผยว่า อีซึงกิ (Lee Seung Gi) ไม่ได้รับรายได้จากผลงานเพลงของเขาตลอด 18 ปีที่ผ่านมา
2022-11-21 19:21:38
Advertisement
คลิก!!!

สำนักข่าวดิสแพท (Dispatch) รายงานว่า อีซึงกิ (Lee Seung Gi) ไม่เคยได้รับเงินจากผลงานเพลงของเขาตลอด 18 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะมีเพลงฮิตมากมาย

 


 

อีซึงกิ เดบิวต์ตั้งแต่ปี 2004 ด้วยอัลบั้ม The Dream Of A Moth นับเป็นเวลากว่า 18 ปีแล้วที่เขาไม่ได้รับเงินจากผลงานเพลงของตัวเองซักวอนเดียว อีซึงกิทำงานด้วยสัญญาทาสตลอด 18 ปีที่ผ่านมาภายใต้ต้นสังกัด Hook Entertainment และตกเป็นเหยื่อของต้นสังกัดของตัวเอง
 

อีซึงกิ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากหลังจากปล่อยเพลง “Because You’re My Girl” เมื่อเขาทำเงินได้ ต้นสังกัดเริ่มรู้สึกว่าเขาคือคนที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัท เขาถูกบริษัทหลอกลวง และเอกสารรายได้ของเขาในช่วงเริ่มต้นการทำงานถูกลบหรือทำลาย ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าตอนนั้นเขามีรายได้เท่าไหร่

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน อีซึงกิได้ทำเรื่องของรายงานรายได้เกี่ยวกับผลงานเพลงของเขาตลอด 18 ปีที่ผ่านมาไปยังบริษัท Hook Entertainment อย่างเป็นทางการ และทาง Hook Entertainment ได้ออกมาบอกว่ากำลังทำข้อมูลด้านบัญชีอยู่

 

“Because You’re My Girl” เป็นเพลงที่ทำให้อีซึงกิขโมยหัวใจของใครหลายคนไปได้ เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งศิลปินเดี่ยวระดับท็อปของวงการด้วยเพลง “Delete” ที่ทำให้เขาคว้ารางวัลศิลปินหน้าใหม่ได้สำเร็จจากงาน Seoul Music Awards, SBS Gayo Daejeon และ MBC Gayo Daejejeon

 

อัลบั้มเต็ม 3 อัลบั้มแรกซึ่งปล่อยเมื่อปี 2004, 2006 และ 2007 ของเขามียอดขายอย่างน้อย 100,000 ก็อปปี้ เขายังเป็นศิลปินที่มียอดดาวน์โหลดสูง มีทั้งยอดดาวน์โหลดริงโทนและเพลงแบคกราวน์บนเว็บ Cyworld

อย่างไรก็ตาม อีซึงกิ ไม่เคยได้รับรายได้จากผลงานเพลงของเขาเลย ตลอด 18 ปีที่ผ่านมา เขามีผลงานเพลง 137 เพลง แต่รายได้จากผลงานเพลงของเขาคือ 0 วอน

ดิสแพท ได้รับเอกสารที่อีซึงกิร้องขอไป โดยเอกสารขอรายละเอียดกำไรของอัลบั้ม และกำไรที่อีซึงกิควรจะได้รับ

ตั้งแต่ปี 2004 จนถึง ปี 2022 อีซึงกิมีผลงานเพลงทั้งสิ้น 27 อัลบั้ม (รวมอัลบั้มเต็ม, มินิ และซิงเกิ้ล) และมีผลงานเพลงทั้งหมด 137 เพลง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับรายได้แค่ 0 วอน แล้วเขาควรจะได้รับเงินเท่าไหร่? ไซ (PSY) เคยเดาไว้ในรายการ Radio Star ว่า

“เพลงที่ดีที่สุดสำหรับผมอีกเพลงก็คือเพลง “Because You’re My Girl” ของ อีซึงกิ ขนาดทุกวันนี้ยังมีคนหนุ่มๆบางคนร้องเพลงนี้อยู่เลย” - ไซ

ไซ คือ โปรดิวเซอร์ของเพลง “Because You’re My Girl” และได้รับค่าลิขสิทธิ์จากการขายและสตรีมเพลง หาก ไซ ได้รับค่าลิขสิทธิ์จากเพลงนี้ อีซึงกิก็ควรได้รับด้วยเช่นกัน

ดิสแพทได้รับรายการรายรับ-รายจ่ายจากช่องเพลงที่เปิดเพลงของ อีซึงกิ ในช่วงปี 2006-2022 กิจกรรมทางด้านงานเพลงของอีซึงกิ ทำเงินได้ 9.60 พันล้านวอน (ประมาณ 257 ล้านบาท) ยอดเงินเดียวกันนี้ถูกบันทึกไว้ในรายงานการขายของ Hook Entertainment เอกสารระหว่างปี 2004-2009 หายไป ทำให้ข้อมูลมีไม่ครบถ้วน


 

เมื่อข้อมูลหายไป บัญชีธนาคารตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2004 - สิงหาคม 2009 จึงไม่สามารถยืนยันได้อย่างสมบูรณ์ หมายความตอนนี้ ทั้งรายงานรายได้และรายจ่ายไม่มีเหลืออยู่แล้ว ทำให้ไม่รู้เลยว่าตอนนั้นอีซึงกิน่าจะมีรายได้เท่าไหร่ อย่างไรก็ตามคาดว่ายอดขายเพลงของอีซึงกิ น่าจะมีมากถึง 1 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 267 ล้านบาท) ที่สูญหายไปในระหว่างปีที่หาเอกสารไม่พบ

แล้วทำไมเรื่องนี้จึงเป็นประเด็นขึ้น?

 

เมื่อวันที่ 29 มกราคม ปี 2021 อีซึงกิได้รับข้อความ เขียนว่า:

 

“ยอดขายดิจิตอลเพลง “The Ordinary Man” : 63.8 ล้านวอน (ประมาณ 1.7 ล้านบาท) 

อัลบั้มชุดที่ 7 The Project ของอีซึงกิ : 170 ล้านวอน (ประมาณ 4.55 ล้านบาท)

รวม 234 ล้านวอน (ประมาณ 6.2 ล้านบาท)
ค่าดำเนินการผลิต: 200 ล้านวอน (ประมาณ 5.3 ล้านบาท) 

ส่วนต่าง: 33.6 ล้านวอน (ประมาณ 9 แสนบาท) ใบภาษีจะถูกส่งมาเดือนนี้และจะต้องนำจ่ายเดือนหน้า”

 

จากข้อความดังกล่าว ทำให้อีซึงกิคิดว่า “ฉันไม่ได้ขาดทุนนี่นา” และ “ฉันทำกำไรได้จากเพลงนั้นเหมือนกัน” อีซึงกิส่งข้อความนี้ให้กับศิลปินรุ่นพี่ดู และจากนั้นเขาก็ตระหนักถึงความจริง

อีซึงกิ: ฮยอง ผมว่าผมมียอดขายดิจิตอลด้วย ถึงแม้ว่าจะใช้ต้นทุนไป 200 ล้านวอน แต่ก็ได้กำไร 33.6 ล้านวอนนะ 

รุ่นพี่: พูดอะไร? คิดว่าฉันได้ค่าลิขสิทธิ์เท่าไหร่? สำหรับนาย นายทำเงินได้เยอะนะ นี่ยังไม่ได้รับเงินอีกเหรอ?

อีซึงกิ: ใช่ครับ ผมได้ยินมาตลอดว่าผมเป็นนักร้องขาดทุน

รุ่นพี่: สัญญานายกับ Hook เป็นยังไงเนี่ย? ทำไมยังไม่ได้เงินอีก?
 

อีซึงกิเซ็นสัญญาครั้งแรกเมื่อปี 2004 โดยมีการตกลงแบ่งกำไร 4:6 โดย อีซึงกิจะได้รับกำไร 40% และ Hook Entertainment จะได้รับ 60% ในปี 2009 มีการปรับเปลี่ยนสัญญา โดย อีซึงกิ จะได้ส่วนแบ่ง 60% และ Hook Entertainment จะได้ไป 40% และปรับอีกครั้งในปี 2017 โดย อีซึงกิจะได้รับไป 70% ในขณะที่ Hook Entertainment ได้ไป 30%

อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินที่ Hook Entertainment ลงทุนไปกับการผลิตผลงานเพลง ทำให้ อีซึงกิไม่ได้รับรายได้ ต้นสังกัดหักค่าใช้จ่ายที่จ่ายไป ซึ่งปกติแล้วศิลปินระดับอีซึงกิ ต้องได้ส่วนแบ่ง 80/20 และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย 80/20 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม Hook Entertainment เสนอให้มีการแบ่ง 70/30 และบริษัทจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

 

สัญญาระหว่าง อีซึงกิ และ Hook Entertainment ระบุว่า ยอดขาย 60% ระหว่างปี 2009-2016 และ 70% ตั้งแต่ปี 2017-2022 ควรเป็นของ อีซึงกิ รวมทั้งสิ้น 5.80 พันล้านวอน (ประมาณ 155 ล้านบาท)

ดิสแพทยังได้ข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการผลิตอัลบั้มชุดที่ 6 ของอีซึงกิ “And…” โดยมีรายละเอียดดังนี้:

เรียบเรียงเพลง: 8.90 ล้านวอน (ประมาณ 237,000 บาท)

ค่าใช้จ่ายการผลิต: 32 ล้านวอน (ประมาณ 856,000 บาท) 

ค่าแรง: 14.6 ล้านวอน (ประมาณ 390,000 บาท)

ค่าสตูดิโออัดเสียง: 12.1 ล้านวอน (ประมาณ 322,000 บาท)

มิกซ์เสียง: 9.89 ล้านวอน (ประมาณ 264,000 บาท)

ค่าตัดแต่งเสียง:1.76 ล้านวอน (ประมาณ 46,900 บาท)

ค่า VJ: 3 ล้านวอน (ประมาณ 80,000 บาท)

ค่าถ่ายทำปกอัลบั้ม: 22.4 ล้านวอน (ประมาณ 598,000 บาท)

 

ค่าผลิตอัลบั้ม: 39.7 ล้านวอน (ประมาณ 1,060,000 บาท)

ค่าโปรโมทอัลบั้ม: 3 ล้านวอน (ประมาณ 80,000 บาท)

ค่าใบอนุญาต KOMCA: 23.4 ล้านวอน (ประมาณ 627,000 บาท)

รวมทั้งสิ้น 171 ล้านวอน (ประมาณ 4.5 ล้านบาท)

Hook Entertainment ใช้เงินทั้งสิ้นประมาณ 4.5 ล้านบาท สำหรับอัลบั้มชุดที่ 6 ของ อีซึงกิ แล้วพวกเขาได้รับรายได้ตอบแทนเท่าไหร่? เริ่มจากยอดขายดิจิตอลที่ขายได้ 210 ล้านวอน (ประมาณ 5.6 ล้านบาท), ยอดขายอัลบั้ม (CD,DVD) 131 ล้านวอน (ประมาณ 3.5 ล้านบาท) และอีก 13 ล้านวอน (ประมาณ 347,000 บาท) เป็นยอดขายจากบริษัทโดยตรง นอกจากนี้รายได้จาก Kakao ของอัลบั้มนี้อยู่ที่ 700 ล้านวอน (ประมาณ 18.7 ล้านบาท)

รายได้ทั้งหมดจากอัลบั้มที่ 6 ของ อีซึงกิ รวมแล้วประมาณ 28.2 ล้านบาท เมื่อลบต้นทุนออกไป ยังมีกำไรอยู่ถึงประมาณ 23.6 ล้านบาท) ซึ่งอีซึงกิควรจะได้เงินจำนวนมาก แค่จากการขายอัลบั้ม 6 อัลบั้มเดียวด้วยซ้ำ แต่ทั้งหมดกลับเข้ากระเป๋า Hook Entertainment

 

แล้วอีซึงกิเคยขอดูบัญชีรายรับ-รายจ่ายของบริษัทมาก่อนหรือไม่ คำตอบคือ อีซึงกิ เคยเรียกร้องให้บริษัทอธิบายถึงเรื่องนี้แล้ว จากคำบอกเล่าของเพื่อนสนิทของอึซึงกิที่เล่าให้ดิสแพทฟังว่า อีซึงกิไปบอกผู้บริหาร Hook Entertainment หลายครั้งและพยายามเรียกร้องสิทธิของเขา แต่คำตอบกลับทำให้อีซึงกิสงสัยในตัวเองมากขึ้น

1.มิถุนายน ปี 2021: ซึงกิ! ฉันไม่อยากจะพูดแบบนี้กับศิลปินในสังกัดเรา...แต่คุณเป็นศิลปินที่ไม่ทำกำไร แล้วเราจะเอาอะไรมาคำนวน?

2.สิงหาคม ปี 2022: รู้หรือเปล่าว่าค่าใช้จ่ายในการโปรโมทอัลบั้มนั้นเท่าไหร่? ฉันต้องให้ของขวัญกับผู้กำกับช่อง A แล้วซื้ออีกชิ้นให้ผู้กำกับช่อง B…

3.พฤศจิกายน 2022: นายน่ารำคาญ! เราบอกให้คุณพัค เจ้าหน้าที่ทีมบัญชีเตรียมข้อมูลไว้แล้ว แต่ว่าเขาไม่ยอมทำเพราะไม่อยากทำ

ช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2021 อีซึงกิ และคุณแม่ของเขาได้ไปทานข้าวกับผู้บริหาร เดือนสิงหาคม ปี 2022 เป็นคำตอบของผู้อำนวยการคนหนึ่งหลังจากถูกถามโดยไม่ทันตั้งตัว และพฤศจิกายน 2022 เป็นการประชุมกันหลังจากอีซึงกิขอดูรายการบัญชีของเขา

หลังจากผ่านมา 18 ปี ได้เวลาต้องทวงถามความจริง 

อีซึงกิกลายเป็นเหยื่อ โดยมีบริษัทต้นสังกัดเป็นคนร้าย ตลอด 18 ปีที่ผ่านมา อีซึงกิถูกทำให้คิดว่า

“ซึงกิ! แฟนคลับของนายไม่ซื้ออัลบั้ม พวกเขาไม่มีเงินแต่อยากได้อะไรหลายอย่าง”

ควอนจินยอง ซีอีโอของ Hook Entertainment ถึงกับสั่งผู้จัดการของอีซึงกิว่าอย่าให้เขาใช้บัตรของบริษัทเวลาที่เขาไม่มีงาน

“ผู้จัดการคิม อีซึงกิไม่มีงาน ทำให้ถูกด้วย ประหยัดค่าใช้จ่ายหน่อย”

 

 

ผู้จัดการอีซึงกิ: รายงานการทำงาน มีปัญหากับเจ้าหน้าที่ที่ชั้น 4 แต่เรากำลังทำงานตามตารางของเขา

ผู้จัดการอีซึงกิ: เราถึงที่ถ่ายทำใกล้สถานีซัมซุงแล้ว เขาจะเริ่มถ่ายทำเมื่อพร้อม

ผู้จัดการอีซึงกิ: เงิน 24,000 วอน ถูกใช้สำหรับอาหารเช้าของทีมอีซึงกิ

ผู้จัดการอีซึงกิ: เงิน 52,000 วอน ถูกใช้สำหรับค่าอาหารเที่ยงของอีซึงกิและทีมงาน

ซีอีโอ ควอนจินยอง: เมื่อวานเพิ่งล้างรถไป ตอนนี้ [ซื้อ] อะไรไม่ได้แล้ว

อีโอ ควอนจินยอง: มีค่าใช้จ่ายเยอะไป อีซึงกิต้องใช้เงินตัวเองซื้ออาหารนะ

อีโอ ควอนจินยอง: อีซึงกิต้องใช้เงินตัวเองซื้ออาหาร

อีโอ ควอนจินยอง: ถ้ายอดการ์ดเกิน ก็ใช้ไม่ได้แล้ว

อีโอ ควอนจินยอง: ทำแบบนี้ดีกว่า

อีโอ ควอนจินยอง: นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้าย

ผู้จัดการอีซึงกิ: เข้าใจแล้ว ท่านประธาน

 

สำหรับฝั่งของอีซึงกิ เขาบอกว่าที่ไม่ขอดูบัญชีมาก่อนเพราะได้ยินบริษัทพูดแบบนั้น สถานการณ์ตอนนั้นทำให้เขาต้องเงียบไว้ แต่หลังจากวันที่ 17 พฤศจิกายน เขาตัดสินใจพูดออกมา เขาบอกกับผู้อำนวยการของ Hook Entertainment ว่า

“พรุ่งนี้ผมจะถ่ายทำหนังที่สำคัญที่สุดของผม...แต่ผมกังวลว่ามันจะหนาว พรุ่งนี้ขอให้โชคดีนะครับ” - อีซึงกิ

ที่มา   Dispatch

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X