|
จากเหตุการณ์เมื่อกลางดึก วันที่ 5 เม.ย. ได้มีเรือลากจูงของบริษัทของ เคพีเอ็น ถูกพายุฤดูร้อนพัดจนเรือจมลงที่บริเวณปากอ่าวบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ห่างจากเกาะสีชังประมาณ 9 ไมล์ทะเล มีผู้รอดชีวิตมาได้จำนวน 3 ราย คือ นางรัชนี อินทร์เพ็ญ อายุ 33 ปี นายทวีศักดิ์ เกตุยิ้ม อายุ 16 ปี และเด็กหญิงชยานุช เกตุยิ้ม อายุ 8 ปี ทั้งหมดเป็นแม่ลูกกัน ได้รับการช่วยเหลือจากเรือประมงที่ผ่านมาพบและยังมีผู้สูญหายไปจำนวน 1 ราย คือ นายคมกริบ เกตุยิ้ม อายุ 40 ปี ผู้เป็นสามีของนางรัชนี ซึ่งเป็นนายท้ายเรือลากจูงลำดังกล่าว โดยหลังเรือจมทั้งหมดได้เกาะแกลลอนพลาสติกเพื่อประคองเข้าฝั่ง แต่แกลลอนไม่พอ นายคมกริบจึงยอมสละแกลลอนให้ลูกเมียเกาะรอดชีวิต โดยตัวเองยอมจมน้ำหายไปต่อหน้าลูกเมีย เหตุเกิดตั้งแต่วันที่เกิดเหตุนางรัชนี ได้พยายามติดต่อทุกหน่วยงานให้ช่วยตามหานายคมกริบสามี แต่ก็ยังไร้วี่แวว
จนช่วงบ่าย วันที่ 11 เม.ย. นางรัชนี ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสมุทรปราการว่าได้รับแจ้งจากเรือประมงที่ออกไปหาปลาที่ปากอ่าวจังหวัดสมุทรปราการว่า พบศพชายเสียชีวิตลอยอยู่ในทะเลที่บริเวณทุ่นเขียวทุ่นที่ 4 ปากอ่าวจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งลักษณะการแต่งกายคล้ายกับนายคมกริบ ที่ถูกน้ำซัดสูญหายไป นางรัชนีจึงได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบกับตำรวจน้ำและเจ้าหน้าที่มูลนิธิ โดยออกตระเวนค้นหาศพด้วยความหวังว่าจะได้พบศพผู้เป็นสามี เพื่อจะได้นำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา แต่ก็ต้องผิดหวังหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำและมูลนิธิได้นำเรือตรวจการออกตระเวนหาอยู่นานกว่า 4 ชั่วโมงก็ไม่ยังไม่พบศพของนายคมกริบ แต่อย่างใด
ล่าสุด เวลา 12.30 น. วันที่ 12 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสมุทรปราการได้รับแจ้งจากเรือประมงที่ออกไปหาปลาในย่านปากอ่าวสมุทรปราการว่าได้พบศพชายเสียชีวิตลอยอยู่ในทะเลปากอ่าวอีกครั้ง ที่บริเวณทุ่นแดงทุ่นที่ 4 ห่างจากฝั่งประมาณ 20 ไมล์ทะเล เขตติดต่อคลองด่าน จึงพร้อมด้วยมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ ได้นำเรือตรวจการณ์ของตำรวจน้ำสมุทรปราการ และนางรัชนี อินทร์เพ็ญ อายุ 33 ปี ภรรยานายคมกริบ ที่สูญหายไปในทะเลกับเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุ เดินทางออกตรวจสอบ
จนกระทั่งมาถึงบริเวณดังกล่าวพบว่ามีเรือประมงขนาดเล็กจอดลอยลำอยู่ พร้อมชี้ให้เจ้าหน้าที่ดูศพชายที่ลอยอยู่ในน้ำ ที่เหลือเพียงครึ่งท่อนล่างที่สวมใส่กางเกงขนสั้นสีดำและกระดูกสันหลัง ส่วนศีรษะ และอวัยวะช่วงบนได้ขาดหายไป คาดว่าน่าจะถูกสัตว์น้ำกัดกินไป หรือถูกกระแสน้ำพัดจนขาดหายไป
เมื่อนางรัชนี เห็นชิ้นส่วนมนุษย์ที่เหลือลอยอยู่ในน้ำก็ถึงกับเข่าอ่อน พร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นชิ้นส่วนของสามีตนเอง เนื่องจากจำกางเกงขาสั้นที่สามีสวมใส่ก่อนสูญหายไปได้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงได้ลงไปทำการเก็บชิ้นส่วน รวบรวมเพื่อนำกลับไปให้แพทย์ทำการชันสูตร
โดยนางรัชนี กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากที่ออกไปตามหาศพสามีตนเมื่อวานนี้แต่ไม่พบ หลังจากกลับมาพักอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่บ้านพักคนงานในย่านพระประแดง ก็ได้จุดธูปกลางแจ้งบอกสามีว่าขอให้พบศพโดยเร็ว ถึงแม้ว่าจะเหลือชิ้นส่วนไม่ครบก็ตาม แต่ขอเหลืออะไรไว้สักอย่าง เพื่อให้ตนเองจำได้ว่าเป็นศพของสามี จนกระทั่งในช่วงเที่ยงของวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำได้โทรศัพท์มาบอกว่าได้พบชิ้นส่วนมนุษย์ลอยอยู่ในทะเลปากอ่าวในจุดที่เมื่อวานได้นำเรือไปตระเวนหา ตนจึงเชื่อว่าต้องเป็นชิ้นส่วนสามีตนอย่างแน่นอน จึงได้รีบเดินทางมา และนั่งเรือออกไปกับตำรวจน้ำและก็ได้พบศพสามีจริงๆ
นางรัชนี ยังกล่าวอีกว่า หลังจากเสร็จสิ้นในเรื่องของขบวนการกฎหมาย ตนก็จะนำชิ้นส่วนของสามีเดินทางกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศพ ที่บ้านเกิดในจังหวัดกำแพงเพชร
ขอขอบคุณที่มา ข่าวสดออนไลน์