|
ผู้กำกับ พัคโซยอน (Park So-yeon) ผู้กำกับดาวรุ่งที่เพิ่งมีผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง 'Pyramid Game' ได้ออกมาพูดถึงซีรีส์เรื่องนี้ที่นำเสนอมากกว่าการเป็นซีรีส์ระทึกขวัญจิตวิทยา
“ฉันอยากจะสร้างความตระหนักถึงความร้ายแรงของการรังแกกันในโรงเรียนผ่านทางผลงานเรื่องนี้ ฉันตั้งใจจะถ่ายทอดว่าการที่คนเลือกที่จะเฉยเมยและไม่สนใจจะนำไปสู่ความรุนแรงในโรงเรียนได้”
'Pyramid Game' ดัดแปลงจากเว็บตูนชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องของ ซองซูจี (รับบทโดย คิมจียอน (Kim Ji-yeon)) นักเรียนที่เพิ่งย้ายมาใหม่ เธอต้องย้ายโรงเรียนบ่อยตามพ่อของเธอที่เป็นทหาร
โรงเรียนที่เธอย้ายมาล่าสุดถือเป็นฝันร้ายที่สุดของเธอ เมื่อในชั้นเรียนของเธอมีการเล่นเกมที่ชื่อว่า ปิระมิดเกม โดยให้นักเรียนในห้องโหวตคนที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเด็กในห้องจะถูกจัดเกรดเป็น A-F โดยคนที่ได้เกรด F จะถูกเพื่อนในห้องรังแก
ซีรีส์เรื่องนี้เพิ่งลาจอไป และได้รับเชิญให้ไปฉายในงาน France's Series Mania Festival โดยซีรีสืได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ผู้กำกับบอกว่าเนื้อเรื่องไม่ได้แค่ต้องการให้เด็กนักเรียนตระหนักถึงเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ใหญ่ที่ไม่ใส่ใจปัญหานี้มากพอ
“การไม่รับรู้และการมองข้าม นำมาสู่เกมนี้ ฉันเชื่อว่าผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ใส่ใจเวลาที่เด็กเล่นเกมแบบนี้คือหนึ่งในคนที่ร่วมสร้างเกมนี้ด้วย”
“ซีรีส์เล่าเรื่องราวของเด็กนักเรียน แต่ความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้คือผู้ใหญ่ อยากให้กลุ่มผู้ใหญ่มาดูกัน ฉันหวังว่าทุกคนจะเลิกมองข้ามและไม่สนใจและสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวของพวกเขา”
อย่างไรก็ตาม เมื่อซีรีส์ได้รับความนิยมมาก ก็มีความกังวลตามมาเช่นกันว่านักเรียนอาจจะเลียนแบบเกมในซีรีส์ ทำให้บางโรงเรียนมีการเตือนนักเรียนและผู้ปกครองถึงโอกาสที่จะเกิดอันตราย
“เป้าหมายของฉันคือการที่ถ่ายทอดความคิดที่เปลี่ยนไปของนักเรียนภายใต้ธีมของการรังแกในโรงเรียน และถ่ายทอดเป้าหมายนี้ผ่านเรื่องราวของพวกเขา ฉันเลยรู้สึกตกใจเหมือนกันที่ได้ยินเรื่องแบบนี้”
“ฉันตั้งใจจะสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความรุนแรงในโรงเรียนโดยแสดงให้เห็นว่านักเรียนเองสามารถทำลายเกมได้อย่างไร แต่พอได้ยินผลกระทบแบบนี้ ก็ทำให้ฉันไม่สบายใจเหมือนกัน ฉันตั้งใจจะไม่สนับสนุนความรุนแรง ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด”
สำหรับ คิมจียอน หรือ โบนา (Bona) จากวง WJSN รับบทเป็นซองซูจี เด็กนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่ ที่ทำลายเกมนี้หลังจากถูกรังแก
เธอได้พูดถึงตัวละครของเธอว่า
“[ตอนที่ได้บทมา] ฉันอ่านทีเดียว 4 ตอนรวด เพราะว่ามันน่าสนใจมาก ฉันคิดว่าพล็อตเรื่องไม่เหมือนใครและฉันชอบที่นางเอกไม่ได้เป็นคนที่แสนดีอย่างเดียว”
“ไม่มีใครดีแบบ 100% หรือเลวแบบสมบูรณ์ในโลกความจริง เพราะฉะนั้น ฉันเลยพยายามไม่ถ่ายทอดตัวละครออกมาแบบมิติเดียว แทนที่จะยึดติดกับแค่อย่างเดียว ฉันโฟกัสว่าซูจีจะทำอย่างไรในแต่ละสถานการณ์”
คิมจียอนบอกว่าการถ่ายทำฉากถูกรังแก เป็นสิ่งที่กระทบจิตใจมากกว่าที่เธอคิดไว้
“ฉากที่ถูกรังแกในโรงเรียนถ่ายทำตั้งแต่เริ่มเลย ฉันเลยเตรียมตัวเพราะว่ามันน่าจะยาก แต่มันยากกว่าที่ฉันคิดอีก ทำให้ฉันรู้สึกตระหนักถึงความรุนแรงในโรงเรียนมากขึ้น มันยากแต่ก็ช่วยในการแสดงเป็นตัวละครนั้นในฉากต่อไป”