ปม''ดั๊กลาส''เตียงหัก เมียติดเหล้า-กลัวมีชู้
2013-09-13 16:38:21
Advertisement
คลิก!!!
 
เริ่มมีการขุดคุ้ยประเด็นการเตียงหักแยกทางของ ไมเคิ่ล ดั๊กลาส นักแสดงรุ่นใหญ่ กับ แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์ นางเอกแสนสวย ออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว โดย ''เนชันแนล เอ็นไควเรอร์'' นิตยสารจอมแฉเรื่องชาวบ้าน ค้นข้อมูลออกมาระบุว่า เบื้องลึกเบื้องหลังของการเตรียมหย่าที่อาจมีมูค่ากว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9,000 ล้านบาท) เพราะทั้งคู่ต่างมีปัญหาที่ไม่สามารถยอมรับกันและกันได้
 
คู่รักคนดังเพิ่งออกมาประกาศยืนยันเมื่อปลายเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาว่า ได้ตกลงแยกกันอยู่เรียบร้อยแล้ว หลังใช้ชีวิตแต่งงานกันมานานกว่า 12 ปี ซึ่ง ''เนชันแนล เอ็นไควเรอร์'' พบว่าความลับที่อยู่เบื้องหลังการแตกหักนั้นมีอยู่หลายอย่าง ที่รวมถึงพฤติกรรมสำมะเลเทเมาของ ซีต้า-โจนส์ ที่เป็นอันตรายต่ออาการจากโรคอารมณ์แปรปรวน ขณะที่ดั๊กลาส ก็รู้สึกว่าตนเองโดนเมียรักคิดไม่ซื่อยังแอบมีใจให้อดีตคนรักอยู่ตอนที่เขาป่วยเป็นโรคมะเร็ง
 
''ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ต้องมีการยอมบางอย่าง'' แหล่งข่าวที่ระบุว่าเป็นเพื่อนของดาราทั้งคู่เผย ''พวกเขาทำให้อีกฝ่ายแทบบ้า แคทเธอรีน ทำให้ตัวเองหมดหวังท้อแท้ยิ่งไปกว่าเดิม ส่วนไมเคิ่ล ไม่สามารถควบคุมความอิจฉาริษยาของตัวเองได้ ในช่วงเวลาที่มืดมนของเขา ระหว่างที่เขากำลังเข้ารับการบำบัดมะเร็ง เขากลับเชื่อว่า แคทเธอรีน ยังคงมีความรู้สึกดีๆ กับอดีตแฟนหนุ่ม และกำลังจะไปจากเขา''
 
ภายหลังจากแม็กกาซีนจอมแฉ ขุดเรื่องการแยกทางของดารารุ่นเก๋ามาเผยแพร่ตลอดช่วงที่ผ่านมา ท้ายที่สุดแล้ว ตัวแทนของทั้งคู่ก็ออกมายอมรับว่า ''พวกเขากำลังใช้เวลาแยกกันเพื่อประเมินและคิดในเรื่องการแต่งงานของพวกเขา''
 
ข่าวคราวรักร้าวนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ก่อนที่แคทเธอรีน จะเข้ารับการบำบัดทางจิตอีกครั้งเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา โดยข้อถกเถียงถึงสาเหตุของเรื่องนี้เป็นการยึดแอลกอฮอล์เป็นที่พึ่งของฝ่ายสาว โดยทั้งคู่นั้นมีปากเสียงกันอย่างดุเดือดมานานแล้วเมื่อ 1 ปีก่อน โดย ดั๊กลาส วัย 68 ปี ย้ายออกจากบ้านหรูราคา 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 150 ล้านบาท) ที่เบดฟอร์ด นิวยอร์ก เพื่อไปอาศัยอยู่ในบ้านเพื่อนแทน
 
การมีปากเสียงระหว่างดั๊กลาส กับซีต้า-โจนส์ นั้น ถูกพบเห็นโดยสตาฟฟ์ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้กับบ้านในนิวยอร์ก ของพวกเขา เมื่อไม่นานมานี้ โดยพยานเผยว่า ''ไมเคิ่ล มีแก้วไวน์วางอยู่ ส่วนแคทเธอรีน มีเครื่องดื่มที่แรงกว่า เป็นมาร์ตินี่ผสมกับวอดก้าเพียวๆ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ระเบิดออกมา''
 
''มันไม่ใช่การโต้เถียงกรีดร้องอะไร แต่เสียงของเธอสูงปรี๊ด และเธอชี้นิ้วไปที่ไมเคิ่ล เขาไม่สนใจเธอและดูเหมือนจะยิ่งกวนประสาทเธอมากกว่าเดิม หลังจากนั้นไม่กี่นาที ท้ายที่สุดแล้วเธอก็สงบลง พวกเขานั่งอยู่เงียบๆ ทำหน้าบึ้งตึงใส่กันตลอดอาหารมื้อนั้น''
 
ด้านเหล่าเพื่อนบ้านยังกล่าวอ้างอีกว่า ดาราสาวชาวเวลส์ แบกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปทุกครั้งเมื่อเข้ามายังเมือง โดยเธอมี Grey Goose, วอดก้า ONE ROQ และไวน์ขาวชาร์โดเน่ย์ ด้วย ''เขารู้ว่าเธอดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังอยู่ในสภาพที่ต้องรักษาตัว และการดื่มรวมถึงการใช้ยานั้น เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง''
 
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เตือน ซีต้า-โจนส์ ว่าอาจสุ่มเสี่ยงกับการทำร้ายตัวเองหรือการฆ่าตัวตายเพราะอาการป่วยทางจิต ทว่า แหล่งข่าวภายในเปิดเผยอีกว่า ดั๊กลาส ที่เริ่มมีปัญหาทางสภาพจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายเดือนหลังเพราะกลัวว่า แคทเธอรีน อาจกลับไปหา จอห์น เลสลี่ อดีตคนรักที่เคยมีข่าวอื้อฉาวเรื่องทางเพศอยู่บ่อยๆ อีกครั้ง
 
''เเคทเธอรีน กับ จอห์น เคยอยู่ด้วยกันนาน 18 เดือน ตอนช่วงต้นปี 1990 ซึ่งเธออายุ 21 ส่วนเขาอายุ 26 และพวกเขาก็ยังติดต่อกันมาตลอดช่วงหลายปีนี้'' แหล่งข่าวเผยความลับ ''เขามักเรียกแคทเธอรีนว่าเป็น ''รักที่แท้จริง'' ของเขา และบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมา''
 
ระหว่างที่ต้องต่อสู้กับมะเร็งลำคอนั้น ดั๊กลาสเริ่มจิตตกว่าเมียรักจะตีจากไปจากเขา ''เขาเอาแต่คิดว่าเขาอาจแก่เกินไปสำหรับเธอ และเธอต้องการกลับไปอยู่กับแฟนเก่าชาวอังกฤษ หรือสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือเธอนอกใจเขาไปเรียบร้อยแล้ว ท้ายที่สุดมันก็เกินกว่าที่จะรับมือไหว''
 
อย่างไรก็ดี หากทั้งคู่ที่เป็นพ่อแม่ของดีแลน ลูกชายวัย 13 ปีและแครี่ส์ ลูกสาววัย 10 ปีตัดสินใจแยกทางกันจริง ทนายระดับหัวกะทิก็ฟันธงว่า ศึกการหย่าครั้งนี้ดั๊กลาส จะเป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่า ''หากไมเคิ่ลสามารถพิสูจน์ได้ว่า แคทเธอรีน ติดต่อกับอดีตคนรักระหว่างช่วงเวลาที่พวกเขาแต่งงานกัน และให้เหตุผลโน้มน้าวเรื่องทางเพศออกมาได้ นี่ก็อาจขัดขวางไม่ให้เธอได้สิทธิ์เลี้ยงดูไป'' ราโอล แอล. เฟลเดอร์ หมอความในนิวยอร์ก กล่าวถึงเหตุการณ์นี้
 
''บวกกับสภาพการป่วยทางจิตของเธอนั้น แถมด้วยการดื่มกินและการใช้ยา แถมเธอยังปรากฏตัวไปงานปาร์ตี้ต่างๆ อยู่บ่อยๆ หากเรื่องนี้ทั้งคู่ไม่สามารถตกลงกันได้แล้ว มันก็จะต้องไปจบที่ศาล มันอาจต้องมีความหวานอมขมกลืน, ความเกลียดชัง และการกล่าวร้ายซึ่งกันและกัน มันอาจย่ำแย่เกินทนก็ได้'' เฟลเดอร์ กล่าวในที่สุด 
 
 
http://www.siamdara.com
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X