กอดแม่วงก์...ภาพบรรยากาศก้าวที่ 0 ของ อ.ศศิน จากป่าสู่เมือง
2013-09-29 17:38:29
Advertisement
คลิก!!!

 

    ตลอดระยะทางกว่า 388 กิโลเมตร ที่ อ.ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ประกาศเจตนารมณ์คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยออกเดินเท้าจาก อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ เพื่อให้ข้อมูลแก่ชาวบ้านในพื้นที่รวมถึงเชิญชวนให้ทุกคนตระหนักเห็นความสำคัญของผืนป่า อีกทั้งยังอธิบายให้ชาวบ้านได้ทราบว่า การสร้างเขื่อนดังกล่าว.. ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่จะต้องสูญเสียไปเลยแม้แต่น้อย
 
          จากก้าวต่อก้าว จากปากต่อปาก แสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ เพราะมีกลุ่มคนที่เห็นด้วยตบเท้าทยอยร่วมทางกับ อ.ศศิน เป็นอย่างมาก ถึงแม้จะต้องเผชิญทั้งแสงแดด สายฝน รวมถึงอากาศที่แปรปรวนตลอดวัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้กลุ่มผู้อนุรักษ์ท้อใจ ค่อย ๆ ก้าวเดินต่อไปจนถึงจุดหมายปลายทาง... 
 
          และเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2556 ทาง มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ก็ได้เผยภาพตลอดการเดินทางร่วม 388 กิโลเมตรของ อ.ศศิน และกลุ่มผู้อนุรักษ์ พร้อมคำบรรยายที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น มุมานะ ของพวกเขา ในการชักชวนพวกเราคนไทยทุกคนให้...กอดแม่วงก์
 
 
 
          ก้าวที่ 0
 
          วันที่ 9 กันยายน 2556 เป็นวันแรกที่ทางมูลนิธิสืบฯ และเครือข่ายเริ่มเคลื่อนไหวแสดงความไม่เห็นด้วยต่อ EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์ โดยได้นัดรวมพลลงชื่อและยื่นหนังสือต่อเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อนประกาศเดินเท้าเพื่อคัดค้านความไม่เป็นธรรม
 
 
          ขอพรก่อนออกเดิน
 
          เช้าตรู่วันที่ 10 กันยายน 2556 อ.ศศิน และทีมงานได้เดินทางเข้าไปไหว้ศาลเจ้าแม่แม่เรวาเพื่อขอให้การเดินเท้าครั้งนี้สำเร็จ โดย อ.ศศิน ได้กล่าวว่า “ขอให้ดวงวิญญาณพี่สืบ พ่อปู่ฤาษีทุ่งใหญ่ และเจ้าแม่แม่เรวา ช่วยดลใจให้ผู้ที่ต้องการเขื่อน เปลี่ยนใจ”
 
 
          แบกประจาน
 
          รายงาน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์คือสิ่งที่คณะคัดค้านแบกประจานตลอดการเดินเท้า เพราะรายงานวิชาการดังกล่าวขาดข้อมูลทางระบบนิเวศสัตว์ป่า และไม่คุ้มค่าด้านเศรษฐศาสตร์
 
 
          กำลังใจแรก
 
          หลังจากเราเดินพ้นจากเขาชนกัน สิ่งที่รอรับคือรอยยิ้มและพวงมาลัยดอกดาวเรืองของประชาชนในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ รอยยิ้มที่เปรียบดั่งกำลังใจที่ทำให้เราไม่หวั่นเกรงที่จะเดินผ่านอำเภอลาดยาว พื้นที่ที่มีผู้ต้องการเขื่อนแม่วงก์
 
 
          แนวร่วม
 
          การคัดค้านในครั้งนี้คงยากที่จะสำเร็จหากขาดแนวร่วมที่ถ่ายภาพและถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทางผ่านสื่อออนไลน์ส่วนตัวจนเกิดเป็นคลื่นแห่งการอนุรักษ์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การต่อต้านเขื่อนน้ำโจน
 
 
          ป้ายต้อนรับ
 
          หลังจากเดินทางเข้าเขตอ.ลาดยาว ภาพแรกที่พบคือป้ายไวนิลระบุข้อความว่า ‘คนกำแพงเพชร-นครสวรรค์-อุทัยธานี ต้องการ “เขื่อนแม่วงก์” ’ ซึ่งคณะก็พอจะทราบล่วงหน้าว่าการเดินทางผ่านตัวอำเภอที่คนส่วนใหญ่ต้องการเขื่อนนั้นไม่ปลอดภัยและไม่เป็นที่ต้อนรับ ถึงขนาดที่นายอำเภอลาดยาวปฏิเสธให้คณะเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อป้องกันการเกิดเหตุวุ่นวาย
 
 
          รอยยิ้มที่ลาดยาว
 
          นอกจากป้ายต้องการเขื่อนแม่วงก์แล้ว เราได้รับกำลังใจมากมายจากคนลาดยาวอย่างคาดไม่ถึง หลายบ้านเปิดประตูต้อนรับและมอบน้ำดื่มให้กับคณะ โดยแทบไม่มีเสียงคัดค้านจากประชาชนในบริเวณนั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจเพราะเราทราบข่าวว่าตอนบ่ายของวัน ได้มีรถตระเวนประกาศให้ผู้สนับสนุนการสร้างเขื่อนมาชุมนุมที่เทศบาลลาดยาว
 
 
          เส้นทาง 8 จังหวัด
 
          การเดินทางจากแม่วงก์-กรุงเทพฯ ระยะทาง 388 กิโลเมตรผ่านทั้งสิ้น 7 จังหวัดคือ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี และกรุงเทพฯ
 
 
          เดินเท้า เช้า-เย็น
 
          หลังจากวันแรกที่เราผิดพลาดเพราะเดินกลางแดดจัด เราก็ได้รับคำแนะนำจากนักวิ่งมาราธอนถึงระยะเวลาที่ควรเดิน จึงได้มีการปรับแผนเป็นเดินตั้งแต่เช้าตรู่ นอนพักเอาแรงถึงประมาณบ่าย 3 โมงจึงออกเดินต่ออีกครั้งจนได้ระยะทาง บางวันอาจเสร็จสิ้นราว 5 โมงเย็น แต่บางวันอาจต้องเดินจนถึง 2 ทุ่ม
 
 
          ดนตรียามค่ำคืน
 
          หลังจากสิ้นสุดการเดินทางในแต่ละวัน นอกจากกิจกรรมนั่งคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างทาง อีกกิจกรรมหนึ่งที่ทั้งคณะมักไม่ยอมพลาดคือการได้ล้อมวงฟังดนตรีที่มีเหล่านักอนุรักษ์ผ่านเสียงเพลงมาพูดคุยและบรรเลงเพลงให้ฟังอย่างเป็นกันเอง
 
 
          บทสนทนารายทาง
 
          แม้ว่าจะตั้งใจไว้ว่าการเดินเท้าครั้งนี้จะไม่มีการให้ข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่ แต่เมื่อมีผู้สนใจอย่างผู้อำนวยการโรงเรียนทัพทันอนุสรณ์และเหล่าตำรวจ สภ.ทัพทัน มาพูดคุย อ.ศศิน ก็กางแผนที่อธิบายเรื่องราวของเขื่อนแม่วงก์ แม้จะรู้ดีว่าการเดินเท้าในวันนั้นจะล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้
 
 
          เสบียง
 
          สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการเดินเท้าครั้งนี้คือรถเสบียงที่มีทั้งขนม น้ำดื่ม และผลไม้จากผู้สนับสนุนการเดินเท้าที่แวะมาฝากตามรายทาง ผู้เข้าร่วมการเดินเท้าจะหยุดพักทุก ๆ 3 กิโลเมตรเพื่อเติมแรง โดยมีทีมงานที่คอยดูแลเรื่องเวลาและระยะทางในแต่ละวัน
 
 
          เดินหน้า กลางสายฝน
 
          อากาศในแต่ละวันเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก โดยเฉพาะในช่วงของการเดินเท้าที่หลายวันมักมีแดดจัดในตอนเช้า ก่อนจะมีฝนตกอย่างหนักในตอนเย็น สิ่งที่เราต้องทำคือก้าวเดินต่อไปเพื่อให้ถึงจุดมุ่งหมายตามที่วาดหวัง เพราะสิ่งที่รออยู่ที่กรุงเทพฯ คือมวลชนที่มาร่วมแสดงพลัง ซึ่งกำหนดการในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เลื่อนออกไปไม่ได้
 
 
          ส่งสาส์น
 
          ไม่ว่าในเวลาว่างหรือระหว่างเดิน ภาพที่มักเห็นกันคุ้นตาคือ อ.ศศิน ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์เพื่อส่งสาส์นสู่โลกออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นคนมาให้กำลังใจ ผู้ให้บริจาค หรือถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านมุมมองของนักอนุรักษ์
 
 
          ทีม
 
          อาจารย์ศศินย้ำเสมอว่า คงจะไม่มีทางเดินถึงกรุงเทพฯ หากไม่มีทีมงานเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลทั้งที่พัก อาหาร น้ำดื่ม ดูรูปขบวน รักษาความปลอดภัย สื่อออนไลน์ และประสานงาน ซึ่งเป็นทีมเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่เดินทางร่วมกันราว 20 ชีวิต
 
 
          ยืดเหยียด
 
          น้องป้อง บัณฑิตคณะพลศึกษา จากกลุ่มอนุรักษ์มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ ที่อยู่กับเราตั้งแต่วันแรกและสัญญาว่าจะอยู่จนถึงวันสุดท้าย เปรียบดั่งกุญแจสำคัญที่นำการวอร์มอัพทุกครั้งก่อนออกเดิน เพื่อลดโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บ
 
 
          ศรัทธากลางแสงแดด
 
          วันที่ 7 ของการเดินเท้า เป็นวันแรกที่อาจารย์รตยา จันทรเทียร หญิงแกร่งวัย 82 ปี ประธานมูลนิธิสืบฯ มาร่วมขบวนสร้างขวัญกำลังใจให้กับคณะ และร่วมเดินเท้าแม้ในขณะที่แดดจัด เปรียบดั่งแรงศรัทธาแห่งการอนุรักษ์ที่ส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่น เป็นแรงผลักดันให้เราเดินต่อไปจนถึงจุดหมาย
 
 
          เดินด้วยหัวใจ
 
          พี่แบงค์ แม้จะมีร่างกายไม่สมบูรณ์พร้อมเฉกเช่นคนอื่น แต่ก็มาร่วมเดินเท้ากับเราในวันที่ 8 ท่ามกลางแสงแดดเริงแรงยามเที่ยงวัน เขาก็ยังคงก้าวต่ออย่างมุ่งมั่น แม้ว่าสุดท้ายจะล้มลงกลางทาง แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของจิตใจนักอนุรักษ์ ที่ไม่ยอมอยู่เฉยหากรู้ว่าผืนป่าถูกทำลาย
 
 
          แนวร่วม
 
          การเดินเท้าครั้งนี้คงไม่อาจประสบความสำเร็จหากขาดกลุ่มแนวร่วมนักอนุรักษ์ ทั้งเครือข่ายค้านเขื่อนแก่งเสือเต้น เครือข่ายชุมชนผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนแม่แจ่ม กลุ่มเด็กวัดป่า และอีกหลาย ๆ เครือข่ายที่ได้สร้างเป็นพลังมวลชนบริสุทธิ์ ลุกขึ้นมาปกป้องทรัพยากรของชาติ
 
 
          อาการบาดเจ็บ
 
          การเดินเท้าต่อเนื่องร่วม 13 วันย่อมยากที่จะหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดข้อเท้า ฝ่าเท้า หรือหัวเข่า แต่ที่ทรมานที่สุดคือแผลพุพองที่ฝ่าเท้าซึ่งจะทำให้เจ็บปวดทุกก้าวที่ย่ำเดิน โชคดีที่คณะเดินทางได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีแพทย์ที่เดินทางมาตรวจอาการบาดเจ็บให้
 
 
          เขียนฝัน
 
          น้องปาล์ม วัย 8 ขวบ ผู้ร่วมเดินเท้ากับเราตั้งแต่วันที่ 7 กำลังเขียนภาพผืนป่าในจินตนาการลงบนผืนผ้าดิบสีขาวที่เราตั้งใจจะนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์ในการคัดค้านเขื่อนแม่วงก์
 
 
          ส่งสาส์น
 
          การเดินเท้าครั้งนี้จะผ่านเขตชุมชนสองบริเวณคือ ส่วนที่มีการสนับสนุนให้ก่อสร้างเขื่อนบริเวณ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเราตั้งใจว่าจะไม่มีการแจกเอกสาร แต่เมื่อย่างเท้าเข้าสู่ชุมชนนวนคร กระบวนการเผยแพร่ข้อมูลจึงเริ่มต้นอย่างจริงจัง โดยมีอาสาสมัครผู้ร่วมขบวนเดินกระจายแจกแถลงการณ์และเอกสารเหตุผลในการคัดค้านเขื่อนแม่วงก์แก่ประชาชนทั่วไป
 
 
          พักกาย
 
          หากใครได้ไปร่วมขบวนเดินคงจะทราบดีถึงความเหน็ดเหนื่อยจากระยะทางอันยาวไกล แสงแดดและสายฝนที่ลดทอนกำลังใจ แต่คงไม่มีใครที่เหนื่อยเท่า อ.ศศิน เพราะนอกจากจะต้องเดินตลอดเส้นทาง ยังต้องให้สัมภาษณ์ทั้งทางโทรศัพท์ ระหว่างเดิน และในขณะพัก ต้องส่งสาส์นผ่านออนไลน์ และพูดคุยทักทายกับผู้ที่มาเยี่ยมเยือนด้วยรอยยิ้ม
 
 
          สู่มหานคร
 
          ผู้ร่วมเดินเท้าเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากตั้งแต่เริ่มก้าวเท้าเข้าสู่ชุมชนเมือง ด้วยปริมาณคนที่เกิดคาดจึงทำให้ทีมงานค่อนข้างกดดันเรื่องการดูแลรูปขบวนและความปลอดภัย แต่ด้วยการทำงานเป็นทีมและการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำให้ขบวนสามารถเดินทางต่อได้โดยไม่มีอุบัติเหตุ
 
 
          เดินเท้าคืนสุดท้าย
 
          วันที่ 12 เป็นวันที่เดินเท้าค่อนข้างไกล อุปสรรคทั้งในเรื่องการจราจรและรูปขบวนที่ยาวจนยากจำควบคุมทำให้ขบวนเดินเท้าไม่ได้ตามกำหนดเวลา แต่เนื่องจากที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้มีการจัดเวที ‘เกษตรฯ ตะโกน’ เพื่อรอรับคณะเดินเท้า แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้ามาตลอดวัน ทั้งทีมก็ยังคงก้าวเดินไปด้วยกันจนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตอนเกือบ 20.00 น.
 
 
          จุดหมาย
 
          อ.ศศิน เลขาธิการมูลนิธิสืบฯเดินเคียงคู่กับ อ.รตยา ประธานมูลนิธิสืบฯ ก้าวเข้าสู่จุดหมายปลายทางของการเดินเท้า 388 กิโลเมตร จากผืนป่าแม่วงก์ สู่ใจกลางมหานครหน้าหอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพฯ โดยมีประชาชนในชุดขาวคัดค้านเขื่อนแม่วงก์ต้อนรับอย่างเนืองแน่น (ภาพ: กานตชาติ เรืองรัตนอัมพร)
 
 
          สายธารแห่งการอนุรักษ์
 
          จากคนไม่กี่คนในวันแรก หลอมรวมเป็นกระแสอนุรักษ์ผืนป่าแม่วงก์ สะสมเหมือนหยดน้ำก่อรวมเป็นพลังหวังสร้างแรงสะท้าน ให้สังคมหันกลับมามองว่าธรรมชาติถูกทำร้ายจนเกินพอแล้ว ส่งสาส์นสู่ผู้บริหารประเทศให้หยุดคิดเพื่อฟังมุมมองอีกด้านหนึ่งและหาทางออกร่วมกัน
 
 
 
 
ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X