เหา....แก้ไขได้อย่างไรเมื่อเด็กติดเหา
2014-10-26 13:08:01
Advertisement
คลิก!!!

       โรคเหา (pediculosis capitis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะเด็กในวัยเรียนมักจะประสบพบเจอกับโรคเหากันอยู่เป็นประจำ อายุที่พบได้บ่อย คือ อยู่ในช่วงอายุ 3 - 11 ปี และจะพบมากในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โรคเหาเป็นโรคที่เกิดจากตัวเหา อาศัยอยู่บนหนังศีรษะและเส้นผม และอาศัยเลือดบนหนังศีรษะเป็นอาหาร ซึ่งมักจะสร้างความรำคาญและรบกวนชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดอาการแสดงที่หลากหลายได้ เช่น อาการคัน อาการระคายเคืองบนหนังศีรษะ ซึ่งการติดต่อและการแพร่กระจายของโรค เกิดจากศีรษะสัมผัสกันโดยตรง และจากการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น หวี แปรงผม หมวก ผ้าเช็ดศีรษะ หมวกกันน็อก เป็นต้น
       
       ลักษณะของอาการแสดงที่พบได้ เช่น หนังศีรษะแดง เป็นขุยหรือเป็นสะเก็ด อาจพบรอยเกาที่บริเวณหนังศีรษะ บนเส้นผมมีลักษณะเป็นจุดสีขาว (ไข่เหา) ขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร พบมากที่บริเวณท้ายทอยและหลังใบหู ซึ่งมีได้ทั้งไข่ที่มีตัวอ่อนอยู่ภายในจะมีสีเหลืองเข้ม หรือไข่ที่ฝ่อแล้วจะมีสีขาว


       อาการคันเป็นอาการสำคัญที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีการติดเชื้อเป็นระยะเวลานาน และอาจพบการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำร่วมกับการมีสะเก็ดน้ำเหลือง อาจพบต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณคอโตร่วมด้วย การที่เราจะรู้ว่าเป็นโรคเหาหรือติดเหานั้น วินิจฉัยโดยอาศัยจากการตรวจหนังศีรษะ ซึงจะพบตัวเหา ไข่เหา หรือตัดเส้นผมออกมาตรวจทางกล้องจุลทัศน์จะพบไข่เหาที่เกาะติดอยู่ที่เส้นผม มีขนาดประมาณ 1 - 2 มิลลิเมตร ซึ่งจำเป็นต้องวินิจฉัยแยกโรคจากภาวะการระคายเคืองบนหนังศีรษะอย่างชัดเจนเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงว่า เกิดจากรังแคบนหนังศีรษะ ผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน หรือขุยขาวจากการติดเชื้อราบนหนังศีรษะและเส้นผมหรือเกิดจากการติดเหา


       ขั้นตอนการรักษาโรคเหานั้นไม่ยาก จะต้องรักษาความสะอาดบนหนังศีรษะเป็นสิ่งสำคัญ การเป็นเหาอาจไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเศรษฐานะของผู้ป่วย ผู้ป่วยที่มีฐานะดีอาจพบโรคเหาได้ เช่นกัน ดังนั้นขั้นตอนการรักษาเบื้องต้น คือ การนำเอาตัวเหาและไข่เหาออกจากเส้นผมและหนังศีรษะโดยการแปรงออก หรือเป่าลมแรงออก สามารถช่วยลดจำนวนของไข่เหาและตัวเหาบนหนังศีรษะได้ดี แต่อาจไม่เพียงพอในการรักษา จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยา หรือสารเคมีชนิดอื่นๆ ร่วมด้วย และควรให้การรักษาทุกคนในครอบครัวในเวลาเดียวกัน แม้ว่าจะยังไม่มีอาการของความผิดปกติ เนื่องจากวินิจฉัยยากในระยะเริ่มแรกของโรค และเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค
       
       สิ่งสำคัญที่สุด คือ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน หมวกกันน็อค หวี แปรงผม เพราะทำให้เกิดการแพร่กระจายโดยตรงจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย และทำลายไข่เหาที่ติดอยู่โดยวิธีต่างๆ ดังนี้
       
       1. หวีเสนียด (nit picking) เป็นการนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้รักษา โดยการใช้น้ำส้มสายชูเจือจางกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 หมักลงบนหนังศีรษะและเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นใช้หวีซี่ถี่สางเอาตัวเหาและไข่เหาออก ควรสางผมขณะเปียกและควรทำซ้ำทุก 3 - 4 วัน สารหลายชนิดถูกนำมาใช้รักษาโรคนี้ แต่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ดีเพียงพอว่ามีประสิทธิภาพ เช่น น้ำมันพืช น้ำมันใส่ผม วาสลิน สารดังกล่าวอาจล้างยาก และก่อให้เกิดอันตรายจากการใช้ได้
       
       2. Gamma benzene hexachloride (1% Lindane) มี 2 รูปแบบ คือ แบบครีมและแบบโลชั่น ใช้ชโลมบนศีรษะที่แห้งและทิ้งค้างคืนไว้ 8 - 10 ชั่วโมงก่อนที่จะล้างออก พบว่ามีประสิทธิภาพดีในการรักษา ควรทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา พิษของยาตัวนี้ต่ำมาก ถ้าใช้อย่างถูกต้องและถูกวิธีตามฉลากกำกับยา แต่ถ้าใช้ยามากเกินไปหรือผิดวิธีจะสามารถทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทได้
       
       3. แชมพู Malathion ใช้แชมพูทาลงบนผมและหนังศีรษะที่แห้งให้ทั่วหนังศีรษะขยี้ให้เกิดฟองและทิ้งไว้นานประมาณ 15 นาที จึงล้างแชมพูและฟองออก พบว่ามีประสิทธิภาพดีและมีความปลอดภัยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
       
       4. Benzyl Benzoate (12.5 - 25%) มีในรูปแบบครีมและโลชั่น ใช้ชโลมบนศีรษะที่แห้งและทิ้งค้างคืนไว้ 8 - 10 ชั่วโมงก่อนที่จะล้างออก ควรทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา พบว่ามีประสิทธิภาพดีในการรักษา แต่พบอาการระคายเคืองบนหนังศีรษะได้บ่อย ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น หรือไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป
       
       การป้องกันโรคเหานั้นทำได้ไม่ยาก แค่หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกันและทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ด้วยการนำมาต้มในน้ำร้อนมากกว่า 50 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15 นาที รวมถึงนำของใช้และอุปกรณ์ใส่ผม เส้นผมที่ตัดทิ้ง ใส่ไว้ในถุงพลาสติกขนาดใหญ่และรัดปากถุงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อกำจัดตัวเหาที่จะฟักออกจากไข่เหา ทำให้ตัวเหาที่ฟักออกมาไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เพราะไม่มีอาหาร เหาสามารถเป็นซ้ำได้ ถ้ายังรักษาไม่หายขาดหรือได้รับเหามาใหม่ ก็จะกลับมาเป็นซ้ำเหมือนเดิม


ที่มา  http://www.manager.co.th/

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X