"เฉินหลง"มาไทยโปรโมทหนังใหม่พร้อมอวดโฉมนักแสดงสาวดาวบู๊ที่คว้าบทไปจาก "จีจ้า"
2012-12-18 10:02:31
Advertisement
คลิก!!!

 "เฉินหลง"มาไทยโปรโมทหนังใหม่พร้อมอวดโฉมนักแสดงสาวดาวบู๊ที่คว้าบทไปจาก "จีจ้า"

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมทำบุญบริจาคเงินให้เด็กเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุด "เฉินหลง"นักแสดงบู๊ชื่อดัง ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งเพื่อร่วมโปรโมทภาพยนตร์ "วิ่ง-ปล้น-ฟัด" ( Chinese Zodiac ) โดยจูงมือสองสาว "หลานซิง" และ "ซิงถง" นักแสดงในเรื่องมาร่วมโปรโมทด้วย
      
       การมาเมืองไทยครั้งนี้ของ เฉินหลง เจ้าพ่อหนังแอ็คชัน-คอมเมดีชื่อดัง เพื่อร่วมโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง วิ่ง-ปล้น-ฟัด ( Chinese Zodiac )ที่เจ้าตัวทุ่มสุดตัวทั้ง เขียนบท กำกับ นำแสดง และอำนวยการสร้างเอง โดยภาพยนตร์ วิ่ง-ปล้น-ฟัด" ( Chinese Zodiac ) เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วย การตามล่าหัวรูปปั้นทองแดง 6 ชิ้น ที่เป็นตัวแทนของ 12 นักษัตรของจีน ซึ่งถูกขโมยไปจากพระราชวังฤดูร้อนในกรุงปักกิ่งตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมผจญภัยไปทั้ง 4 ทวีปใน 7 ประเทศทั่วโลก พร้อมฉากภูเขาไฟระเบิด และการแสดงที่สมจริง ที่นักแสดงเล่นจริงเจ็บจริงในสถานที่จริง
      
       โดยเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา เฉินหลง ได้พาสองสาวทั้ง หลานซิง และซิงถง 2 นักแสดงบู๊หน้าใหม่มาร่วมแถลงข่าวที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ซึ่งทันทีที่มาถึงเจ้าตัวได้ร่วมถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ทั้งสามกล่าวทักทายสื่อมวลชนเป็นภาษาไทย พร้อมให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง โดยเฉพาะเฉินหลง ที่ทำหน้าที่ลูกพี่ จัดแจงท่าทาง และคอยบอกให้นักแสดงสาวทั้งสองหันซ้ายขวาให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพอย่างทั่วถึง ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองสาวมาประเทศไทย โดย ซินถง ชื่นชมสาวไทยว่าสวยมาก และเป็นประเทศที่มีสไตล์ ก่อนจะโดนพิธีกรหนุ่ม พีเค แซวว่าแล้วหนุ่มไทยล่ะ....เธอหัวเราะก่อนตอบแบบเขินๆว่า "ก็หล่อเหมือนกันค่ะ"
      
       ในงานแถลงข่าว เฉินหลงได้เล่าถึงไอเดียของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า มาจากเรื่องจริงครึ่งหนึ่งและเป็นบทที่เขียนเองอีกครึ่งหนึ่ง โดยเขาใช้เวลาถึง 8 ปี สำหรับการเตรียมการ และเขียนบท ในระยะเวลาก่อนหน้านี้ ตัวเขาเองพยายามหาคาแร็กเตอร์ของเขาเอง เพราะเข้าใจมาตลอดเวลาว่านักแสดงบู๊อยู่ในวงการได้ไม่นาน จึงพยายามค้นหาคาแร็กเตอร์อื่นๆในภาพยนตร์ก่อนหน้าอย่าง คาราเต้คิดส์ 1911 และชินจูกุ เพรซิเดนท์
      
       ในส่วนของสองสาวนั้นเมื่อถามถึงความตื่นเต้นที่ได้ทำงานร่วมกับ เฉินหลงที่เป็นถึงซุปเปอร์สตาร์จากฮอลลิวูด ทั้งคู่บอกตื่นเต้นและเฉินหลงเป็นเหมือนพี่คอยช่วยเหลือน้องๆ "แค่เห็นคุณแจ็กกี้ เดินมาก็ตื่นเต้นมากแล้ว แต่พอได้ร่วมงานด้วยกันเป็นเวลากว่า 1 ปี ตอนนี้พี่แจ็กกี้ ก็กลายเป็นพี่ใหญ่ของฉันไปแล้วค่ะ" หลานซิง นักแสดงสาวกล่าวอย่างชื่นชม ด้านซิงถง กล่าวเสริมว่า "เพราะหนังเรื่องนี้เลยค่ะ ที่ทำให้ฉันก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้หลายๆด้าน อย่างซีนหนึ่งที่ต้องกระโดดลงน้ำ ฉันเป็นคนกลัวความสูงมาก ตอนนี้กระโดดจนหายกลัวไปแล้วค่ะ"
      
       ทันทีที่ซิงถงพูดไม่ทันขาดคำ เฉินหลงก็ได้กล่าวแทรกขึ้นมาทันที "นี่เป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งที่เรียกว่า บิ๊กโจ๊ก เลยก็ว่าได้ครับ" โดยเจ้าตัวเล่าย้อนเหตุการณ์ถึงวันที่เขาคัดเลือกนักแสดงให้เหลือสามคนสุดท้าย ไม่ว่าเขาจะถามอะไรพวกเธอ พวกเธอก็จะตอบว่า "พวกเราสามารถเรียนรู้ได้"
      
       "ผมถามพวกเธอว่า 'พูดภาษาอังกฤษได้ไหม?' 'พวกเราเรียนรู้ได้' 'ภาษาฝรั่งเศสล่ะ?' 'เรียนรู้ได้ค่ะ' 'ว่ายน้ำได้ไหม?' 'น้ำตื้นได้ค่ะ' และเมื่อถึงซีนที่เธอต้องกระโดดน้ำจริงๆ เธอก็กรี๊ดออกมา แล้วบอกว่าจุดที่ต้องกระโดดสูงไป ผมก็ปรับระดับจุดกระโดดให้ต่ำลงมาอีก เธอก็ยังบอกว่าสูงไป จนเท้าของเธออยู่เสมอน้ำแล้วเธอก็ยังบอกว่ามันสูงไปอีก จนผมต้องถามว่า 'อะไรเนี่ย!?' จนได้ความว่า เพราะคำว่า "น้ำตื้น" กับ "ดำน้ำ" ในภาษาจีนออกเสียงเหมือนกัน ทำให้ผมเข้าใจผิดว่าเธอ "ดำน้ำ" ได้ แต่จริงๆเธอพูดว่า ถ้า "น้ำตื้น" เหมือนสระเด็กก็ได้" เรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาสื่ออีกยกใหญ่
      
       เมื่อถามถึงคาแร็กเตอร์ของเหยาซินถงในเรื่องนี้ เจ้าตัวกล่าวว่าเธอเป็นนักโบราณคดีสาวที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเฉินหลง "ฉันรับบทเป็นนักเรียนที่เรียนมาด้านโบราณคดี ที่กลายมาเป็นผู้ช่วยของ เฉินหลง โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นโจรที่ต้องการขโมยโบราณวัตถุชิ้นนี้" พร้อมกันนั้นเธอยังศึกษาตัวละครมาบ้างแล้วเพื่อจะได้แสดงได้สมจริงมากขึ้น "เป็นเพราะฉันเรียนจบมาทางด้านการแสดงโดยตรง ฉันเลยไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องโบราณคดี หรือโบราณวัตถุเลยค่ะ แต่คาแร็กเตอร์ตัวนี้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและโบราณวัตถุอย่างแท้จริง ฉันจึงทำการบ้านโดยการเข้าไปศึกษา หรือดูว่านักโบราณคดีจริงๆ เขาทำงานกันอย่างไร และก็ต้องเรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมด้วยค่ะ"
      
       ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีการใช้สถานที่ถ่ายทำที่หลากหลายมากๆ โดยเริ่มถ่ายทำกันที่เซี่ยงไฮ้ จากนั้นก็ ปารีส, ปักกิ่ง, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย, ลัตเวีย, เวนิวาตูและฮ่องกง นอกจากนั้นยังรวมถึง มาเลเซีย, กรุงเทพฯ, ทาซาเนีย แล้วก็ที่อื่นๆอีก แต่มีที่ที่หนึ่งที่ไม่เคยมีใครเข้าไปใช้สถานที่ในการถ่ายทำมาก่อนเลยนั่นก็คือ พระราชวังชองเดลี ที่ฝรั่งเศส เมื่อถามเฉินหลงว่าเขาทำได้อย่างไรถึงสามารถเข้าไปถ่ายทำในสถานที่นั้นได้? เจ้าตัวก็ตอบแบบงงๆว่า "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน" เรียกเสียงฮาจากสื่อมวลชนได้ไม่น้อย ก่อนเสริมว่าแค่เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ก็ได้แล้ว "ผมเพียงแค่เข้าไปติดต่อ แล้วทางเจ้าหน้าที่ที่นั่นก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าเขาต้องการที่จะโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวของเขาอยู่แล้วโดยเฉพาะกับชาวเอเชีย"
      
       ความน่าสนใจของเรื่องนี้อีกอย่างคือ ชุดโรลลิงสูท ที่ปรากฏอยู่ในตัวอย่างภาพยนตร์ ซึ่งเรียกความสนใจจากผู้ชมได้ไม่น้อย โดยเฉินหลงได้กล่าวถึงที่มาที่ไปของชุดสุดล้ำชุดนี้ว่า "ผมเห็นคนคนหนึ่งกับชุดนี้ ผมก็คิดเลยว่าต้องเอาชุดนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในหนังของผมให้ได้ พอมีโอกาสผมก็เชิญคนคนนั้นมาร่วมงานในกองถ่ายและออกแบบชุดให้ ซึ่งชุดโรลลิงสูทตัวนี้มีล้อมากถึง 28 ล้อเลยครับ ผมสวมชุดนี้วิ่งลงมาจากบนไฮเวย์จริงๆ"
      
       แม้อายุอานามจะปาเข้าไป58ปีแล้ว แต่เจ้าตัวยังรับประกันความฟิตเพื่อบู๊เต็มรูปแบบในภาพยนตร์อีกครั้ง "คือผมออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วครับ แต่ถ้าจะให้เทียบกับเมื่อก่อนก็คงเทียบกันไม่ได้ แต่ยังไงผมก็เคลื่อนไหวได้ว่องไวกว่าคุณนะ" เฉินหลงแอบแซวพิธีกรเบาๆเรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง นอกจากนั้นด้านสาวบู๊หลานซิง ยังออกมาโชว์ท่าเตะขาชี้ฟ้าให้สื่อได้ตะลึงไปตามๆกันด้วย
      
       ทางด้านนักแสดงสองสาวของเรื่องทั้ง ซิงถง และ หลานซิง ที่สามารถชิงบทไปจากสาวน้อยนักบู๊ชาวไทย จีจ้า ญาณิน วิสมิตะนันทน์ไปได้นั้น ด้านเฉินหลงก็ได้กล่าวว่าการคัดเลือกสองสาวมาร่วมแสดงเป็นเพราะชื่นชมในความตั้งใจและจริงจังกับการทำงานมาก "ทั้งสองคนเป็นคนที่ทำงานจริงจังมากๆ ในบทของหลานซิง จีจ้า ก็เคยเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ถูกเลือก แต่เพราะข้อจำกัดในการถ่ายทำในประเทศจีนที่มีข้อจำกัดค่อนข้างมากจึงทำให้กลายเป็นหลางซิงและซิงถงสองคนนี้แทน ผมชอบความคิดของพวกเธอทั้งสองคน เพราะนักแสดงสมัยนี้ เมื่อผมบอกให้ลองซ้อมฉากบู๊พวกเขาก็จะเตะๆ ต่อยๆ แล้วก็หยุด และเมื่อเขาบอกให้ทำอีก นักแสดงเหล่านั้นก็มักจะทำหน้าหน่ายๆแล้วบอกว่าก็แสดงไปแล้ว แต่กับหลานซิงไม่ใช่ กลับเป็นเธอเสียอีกที่ขอให้เขาถ่ายใหม่เพราะมั่นใจว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ เธอทำให้ผมงงไปเลย"
      
       "ส่วน ซิงถง ตอนแรกผมเองก็รู้สึกกังขา เพราะเธอพูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ได้ แค่ 1 เดือนเธอจะทำได้อย่างไรกัน? แต่สุดท้ายเธอก็ทำมันได้และทำได้ดีเสียด้วย ผมว่าการทำงานไม่ได้มองแค่ที่งาน แต่ต้องมองไปถึงความคิดของคนทำงาน นิสัยการทำงานของพวกเขา ซึ่งผมว่ามันใช้ได้กับทุกอาชีพนะ"
      
       โดยก่อนจะจากไปทั้ง 3 นักแสดงได้กล่าวเชิญชวนแฟนๆมาชมภาพยนตร์ Chinese Zodiac วิ่ง-ปล้น-ฟัด ในวันหยุดปีใหม่กันเยอะๆ เพราะทุกคนตั้งใจทำกันเต็มที่ "พวกเราทุ่มเทกับการทำงานมากๆค่ะ ขอให้คนไทยทุกคนมีความสุขในวันปีใหม่นะคะ" ด้านเฉินหลง กล่าวเสริมว่า "หนังเรื่องนี้ใช้เวลาถึง 8 ปีในการตระเตรียมและวางแผนการถ่ายทำ ในเรื่องมีมากกว่ามุขตลก และฉากบู๊ในทุกๆฉากจะแฝงไปด้วยข้อคิดในการดำเนินชีวิตที่เขาต้องการบอกคนดู เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ความรักระหว่างครอบครัว มิตรภาพ และความสามัคคีในชาติเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า สุดท้ายผมขอบคุณแฟนๆชาวไทยมากๆนะครับ ที่สนับสนุนผมมาตลอด ผมรู้ว่าคนไทยชอบดูหนังของผม และครั้งนี้ก็จะไม่ผิดหวัง "ขอบคุณครับ ผมรักคุณ" " นักแสดงดังกล่าวภาษาทิ้งท้าย
      
       ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เฉินหลง ยังใจดีเปิดให้สื่อได้ร่วมสัมภาษณ์เขาในช่วงสุดท้ายด้วย โดยเมื่อถูกถามถึงบทบาทใดที่เขาอยากเล่นแต่ยังไม่เคยได้เล่น เจ้าตัวก็รีบตอบอย่างไม่ลังเลว่า "หนังรักครับ เป็นบทที่ผมได้วิ่งช้าๆไปบนชายหาด และไม่มีฉากบู๊ เพราะบทบู๊มันเหนื่อย"
      
       จากนั้นเจ้าตัวก็ถูกสื่อขอร้องให้กล่าวถึงความรู้สึกในการเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่าเคยอยู่เมืองไทยตอนเด็กๆถ้าตอนนั้นเขาเป็นหนุ่มวัยรุ่นคงมีแฟนเป็นสาวไทยแล้ว "ผมดีใจที่ได้นำวัฒนธรรมจีนมาเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้รู้จัก และหวังว่าทุกๆประเทศจะสามารถนำวัฒนธรรมมาแบ่งปันกันและหล่อหลอมมันเข้าด้วยกันได้ ตอนผมอายุ 9 ขวบผมเคยอาศัยอยู่ในประเทศไทย และเคยพูดภาษาไทยได้เยอะกว่านี้แต่ตอนนี้ลืมไปเยอะแล้ว 'ถ้าตอนนั้นผมอายุ 19 คงมีแฟนเป็นคนไทยแน่นอน' "
      
       หลังจากเป็นผู้แจ้งเกิดให้นักแสดงสาวดาวบู๊หลายๆคนโด่งดังมานักต่อนักแล้ว เมื่อถูกถามถึงโอกาสที่จะปั้นนักแสดงหนุ่มมาเป็นเฉินหลง 2 มีบ้างหรือไม่ เจ้าตัวก็ตอบว่าเป็นเรื่องยากมาก "มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ซึ่งผมทำมาตลอด บางคนรู้วิชากังฟู แต่แสดงหนังไม่เป็น บางคนแสดงเก่งแต่ไม่รู้จักกังฟู ฉากบู๊ไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันต้องใช้เวลานานกว่าจะฝึกใครสักคน" จากนั้นเฉินหลงก็หันไปทาง พีเค แล้วแซวว่า "คนนี้ไม่มีหวัง" เรียกเสียงฮาจากกองทัพสื่อและนักแสดงสาวทั้งสอง
      
       ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว ทางเฉินหลงยังได้กล่าวอวยพรได้สมกับที่เป็นพระเอกนักบู๊ระดับตำนานด้วย "ผมอยากให้โลกมีความสุข และสันติ ภาวนาให้ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นน้อยที่สุด หากผมเป็นซุปเปอร์แมนจะทำให้ภัยเหล่านี้หายไปจากโลก และนำความสงบมาสู่โลกครับ"
      
       เฉินหลง ยังได้ทิ้งท้ายถึงความรู้สึกที่เขาได้มีโอกาสลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย "เป็นอะไรที่วิเศษมากเลยครับ ผมรู้ว่าในหลวงมีความสำคัญกับคนไทยมากแค่ไหน ทุกครั้งในโรงหนังผมจะได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้วทุกคนจะยืนขึ้น" เมื่อกล่าวจบ เฉินหลง ก็ฮัมทำนองเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้นมา เรียกเสียงปรบมือจากกองทัพนักข่าวดังคับห้อง ก่อนจะกล่าวต่อว่า "สิ่งนี้ทำให้ผมรับรู้และซาบซึ้งไปด้วยทุกครั้งที่ได้ยินและได้เห็น ผมขอให้พระองค์มีพระวรกายที่แข็งแรงครับ"
      
       ก่อนจากไปเฉินหลงยังแสดงสปิริตฮอลลิวูดเอาใจกองทัพสื่อจัดแจงสถานที่ พร้อมหันรอบทิศ ให้สื่อได้เก็บภาพอย่างทั่วถึง เรียกว่าได้ใจสื่อมวลชนไทยไปเต็มๆเลยกับหนุ่มใหญ่ สปอตร์ ฮ่องกงรายนี้

ข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X