10 หนังเต็ง "ซัมเมอร์ฮอลลีวูด"
2013-05-18 11:49:47
Advertisement
คลิก!!!

 

       ช่วงเวลาแหงหนังฟอร์มใหญ่ "ซัมเมอร์ฮอลลีวูด" เริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการทำเงินมหาศาลของ Iron Man 3 แต่หน้าร้อนนี้ยังเหลือเวลาอีกพักใหญ่ และหนังใหญ่อีกหลายเรื่อง ที่ทางเว็บไซต์ดัง Boxoffice Mojo กะเก็งเอาไว้ว่า 10 เรื่องนี้น่าจะสามารถทำเงินได้มากที่สุด
       
       

       
       10. White House Down (มิ.ย. 28) : คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 140 ล้านฯ
       
       แม้จะเข้าฉายหลังงานแนวเดียวกัน ที่ว่าด้วยปฏิบัติการก่อการร้ายยึดทำเนียบขาวอย่าง Olympus Has Fallen (ที่ทุนน้อยกว่า, ฟอร์มเล็กกว่า และกวาดเงินไปได้สมควรอย่างพลิกความคาดหมาย) แต่นักวิเคราะห์ก็เชื่อว่าหนัง White House Down ของผกก. ที่โด่งดังกับการทำหนังฟอร์มใหญ่ที่เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษ และฉากประเภทวินาศสันตะโร "โรแลนด์ เอเมอริช" (ID4, 2012) ก็น่าจะทำเงินได้มากกว่าอยู่ดี แบบเดียวกับกรณีของ การประชันกันระหว่างหนังอุกกาบาตถล่มโลก Deep Impact vs. Armageddon เมื่อหลายปีก่อน โดย White House Down ยังมีนักแสดงที่โดดเด่นอย่าง เจมี ฟ็อกซ์ และหนุ่มสุดฮอตของฮอลลีวูดยุคนี้ แชนนิง ตาตัม รับบทนำร่วมกันด้วย
       
       

       
       9. The Hangover Part III (24 พ.ค.): คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 145 ล้านฯ
       
       ฮอลลีวูดเชื่อว่ามนต์ขลังของ The Hangover น่าจะเริ่มถดถอยแล้วในหนังภาค 3 ที่หลายฝ่ายไม่เชื่อว่าจะทำเงิน (โดยเฉพาะในสหรัฐฯ) ได้เท่าหนังสองภาคแรกที่กดไปภาคละระดับ 200 ล้านเหรียญฯ ซึ่งถือว่าเป็นหนังตลกที่ทำเงินมากที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งกันเลยทีเดียว เพราะหนังภาคนี้คงจะไม่สดใหม่เหมือนเดิม และภาคสองก็ทำให้หลายคนที่ตีตั๋วเข้าไปดูกันผิดหวังอยู่พอสมควร นอกจากนั้นหนังยังเข้าฉายในเดือน พ.ค. ที่มีหนังใหญ่ ๆ เปิดฉายพร้อมกันหลายเรื่องด้วย แต่โดยรวมแล้ว The Hangover III ก็น่าจะทำเงินได้มากอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อประเมินจากทุนสร้างที่คงไม่ได้สูงเหมือนหนังประเภทซึ่งต้องลงทุนในเทคนิคพิเศษเรื่องอื่น ๆ ในช่วงซัมเมอร์
       
       

       
       8. Pacific Rim (12 ก.ค.): คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 145 ล้านฯ
       
       หากจะถามหาความแปลกใหม่ในซัมเมอร์ที่เต็มไปด้วยหนังภาคต่อ และที่สร้างจากการ์ตูนชื่อดัง Pacific Rim ของ กีแลร์โม เดล โทโร (Hellboy, Pan's Labyrinth) ก็คงเป็นคำตอบ หนังแอ็กชั่นไซไฟว่าด้วยการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยักษ์ และหุ่นยนต์สุดไฮเทค ได้รับความคาดหวังจากแฟนหนังมากมาย อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วนักวิเคราะห์เชื่อว่าหนังอาจจะไปได้ดีในเฉพาะคนดูบางกลุ่ม อย่างพวกหนุ่ม ๆ เสียมากกว่า แต่ไม่น่าจะทำเงินในหมู่ผู้หญิง หรือผู้ใหญ่ได้มากนัก เพราะไม่ค่อยมีดาราดังแสดงอยู่ในหนังมากมายอะไร โดยโอกาสกอบโกยของ Pacific Rim น่าจะอยู่กับตลาดหนังต่างประเทศมากกว่า
       
       

       
       7. The Heat (June 28): คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 155 ล้านฯ
       
       ทุกปีฮอลลีวูดจะมีเซอร์ไพร์ซ ซึ่งปีนี้หลายคนเชื่อว่าเป็น The Heat หนังตลกที่เน้นตลาดผู้ชมกลุ่มสาว ๆ เป็นหลักที่มีดาราหญิงสองคนซึ่งถือว่าเป็นที่รักในหมู่นักดูหนัง (โดยเฉพาะสาว ๆ) ชาวสหรัฐฯ มากที่สุดในตอนนี้ อย่าง ซานดรา บุลล็อค และ เมลิซา แม็คคาธีย์ ที่เพิ่งมีหนังฮิตเมื่อต้นปี Identity Thief ซึ่งหนังน่าจะทำเงินถึงขั้นติดอันดับ 7 ของ ซัมเมอร์เลยทีเดียว แต่อาจจะทำรายได้ในตลาดโลกไม่มากนัก เพราะหนังสไตล์นี้น่าจะเหมาะกับตลาดสหรัฐฯ มากกว่า
       
       

       
       6. Fast & Furious 6 (24 พ.ค.): คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 215 ล้านฯ
       
       หนังภาคต่อที่ฮิตสุด ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ จนสร้างติดต่อกันเป็นภาคที่ 6 แล้ว และถือว่ายิ่งสร้างก็ยิ่งฮิต เพราะนักวิเคราะห์ของ Boxoffice Mojo เชื่อว่าหนังภาคนี้จะทำรายได้ในสหรัฐฯ ถึง 215 ล้านเหรียญฯ มากที่สุดในบรรดาทุกภาค แซงหน้าภาคก่อนที่สร้างสถิติเอาไว้ด้วยตัวเลข 209.8 ล้านเหรียญฯ ด้วยจุดขายง่าย ๆ ทั้งดาราดัง, รถสวย ๆ, ฉากบู๊, สาว ๆ และเพลงฮิปฮอป Fast & Furious กลายเป็นหนังภาคต่อที่ทรงคุณค่าของ Warner ไปแล้ว อย่างไรก็ตามหนังคงต้องไปวัดกับกระแสของเรื่องอื่น ๆ ด้วยเพราะจะฉายหลังหนังฟอร์มใหญ่ที่สุดอีกเรื่องของปี Star Trek Into Darkness เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น
       
       

       
       5. Star Trek Into Darkness (17 พ.ค.): คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 250 ล้านฯ
       
       หนังไซไฟที่สร้างจากซีรีส์แนววิทยาศาสตร์ระดับตำนานของโทรทัศน์สหรัฐฯ ที่ถูกนำกลับมายกเครื่องใหม่อย่างยิ่งใหญ่เมื่อ 3 ปีก่อน ด้วยหนังภาคแรก Star Trek ที่คำวิจารณ์หรูขนาดติดอันดับเป็น 1 ใน 250 หนังยอดเยี่ยมตลอดกาลของเว็บไซต์ IMDB กันเลยทีเดียว หนังภาคนี้ที่ยังคงประกอบไปด้วยทีมนักแสดง และผกก. ชุดเดิมจึงได้รับความคาดหวังอย่างสูงมาก แต่ด้วยความเข้มข้นของการแข่งขันของบรรดาหนังในเดือน พ.ค. หลายฝ่ายจึงเชื่อว่า Star Trek Into Darkness ไม่น่าจะทำเงินเกินตัวเลข 257 ล้านเหรียญฯ ของหนังตอนก่อนไปได้ไกลนัก
       
       

       
       4. Monsters University (21 มิ.ย.): คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 280 ล้านฯ
       
       เป็นเวลา 12 ปีเต็มหลัง Pixar ส่ง Monsters, Inc. ทำเงิน 255.9 ล้านเหรียญฯ ในสหรัฐฯ ถึงขั้นเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของบริษัทในยุคนั้น แต่ระยะหลังต้องยอมรับว่าบริษัทผลิตอนิเมชั่นยักษ์ใหญ่แห่งวงการบริษัทนี้เริ่มจะเสียเครดิตไปเล็กน้อย หลังความสำเร็จระดับอภิมโหฬารของ Toy Story 3 ที่เป็นหนังทำเงินอันดับ 1 ของปี 2010 ด้วยตัวเลข 415 ล้านฯ แต่หลังจากนั้นทั้ง Cars 2 และ Brave กลับทำเงินสูงแต่ยังไม่ถึงขั้นฮือฮาอะไร (191.5 และ 244.1 ล้านเหรียญฯ) ซึ่งสำหรับ Monsters University นักวิเคราะห์ก็เชื่อว่าหนังไม่น่าจะทำเงินระดับเดียวกับ Toy Story 3 และน่าจะมากกว่า Monsters, Inc. ไปไม่มากนัก ซึ่งก็ถือว่าน่าผิดหวังนิดหน่อย เมื่อประเมินจากค่าตั๋วในยุคปัจจุบัน
       
       

       
       3. Man of Steel (14 มิ.ย.): คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 290 ล้านฯ
       
       การกลับมาของซูเปอร์ฮีโร่ที่ถือว่าดังที่สุดในอุตสาหกรรมการ์ตูนฮีโร่ของสหรัฐฯ ที่ฝั่ง DC Comics หมายมั่นปั้นมือเหลือเกินว่าจะขอต่อสู่ในตลาดหนังฮีโร่กับ Marvel บ้าง หลังที่ผ่านมามีเพียงหนังในชุด Batman ที่ทำเงินได้ โดยหนังได้ทีมงานระดับสุดยอดทั้ง แซค สไนเดอร์ (กำกับ), โจนาธาน โนแลน (เขียนบท) และ คริสโตเฟอร์ โนแลน (อำนวยการสร้าง) มาอยู่เบื้องหลัง และการันตีว่า "ซูเปอร์แมน" ฉบับนี้จะยิ่งใหญ่จริงจังสมการรอคอยแน่นอน ซึ่งรายได้ของหนังน่าจะทำให้อนาคตของฮีโร่จากฝั่ง DC ของทาง Warner Bros. ลืมตาอ้าปากขึ้นมาบ้าง และโอกาสจะเข็นหนังรวมฮีโร่ Justice League ไปสู้กับ The Avengers ของฝั่ง Marvel ก็คงเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
       
       

       
       2. Despicable Me 2 (3 ก.ค.): คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 300 ล้านฯ
       
       เชื่อกันว่าหนังอนิเมชั่นอันดับ 1 ของซัมเมอร์ 2013 อาจจะไม่ได้อยู่ในมือ Pixar, DreamWorks หรือ Blue Sky (ของ Fox) แต่มีสิทธิ์สูงมากที่จะเป็น Despicable Me 2 ของ Illumination Entertainment จาก Universal Pictures ที่ภาคแรกซึ่งเข้าฉายในปี 2010 ทำเอาไว้ดีมาก ทั้งคำวิจารณ์แง่บวก และเสียงตอบรับจากคนดู ขนาดที่ว่าเจ้าตัวสีเหลืองที่มีชื่อว่า "Minions" ก็กลายเป็นมาสค็อตสำคัญของทาง Illumination ไปแล้ว อย่างไรก็ตามคาดการณ์รายได้ของ Despicable Me 2 ก็ถือว่าสูงในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่ถึงขั้นเป็นอนิเมชั่นที่ทำเงินระดับเกิน 400 ล้านอย่างที่ Toy Story 3 และ Shrek 2 เคยทำได้ แต่ก็น่าจะมากกว่าตัวเลข 261.5 ล้านเหรียญฯ ของภาคแรกแน่นอน
       
       

       
       1. Iron Man 3 (3 พ.ค.): คาดการณ์รายได้ในสหรัฐฯ 400 ล้านฯ
       
       ทุกคนพูดตรงกันว่า Iron Man 3 จะเป็นหนังที่ทำเงินสูงที่สุดในซัมเมอร์ปี 2013 แม้หนังภาคสองจะมีกระแสที่ตกลงมาจากภาคแรกนิดหน่อย แต่ความแรงของ The Avengers หนังรวมซูเปอร์ฮีโร่ที่ "โทนี สตาร์ก/ไอออนแมน" เป็นดาราชูโรงนั้นทำเงินไปสูงเหลือเกิน และตอนนี้กระแสของหนังฮีโร่ Marvel ก็น่าจะบินสูงอยู่ในระดับนี้ต่อไป แม้คงยากที่จะเทียบรายได้ของหนังรวมดาราฮีโร่ แต่ก็น่าจะมากที่สุดในบรรดาหนัง 3 ภาคของ Iron Man (ภาค 1 และ 2 ทำเงินในสหรัฐฯ ไป 318.4 กับ 312.4 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับ) และรายได้รวมทั่วโลกก็น่าจำผ่านหลัก 1,000 ล้านเหรียญฯ ได้เป็นภาคแรกของหนังชุดนี้
       
       10 หนังทำเงินซัมเมอร์นอกสหรัฐฯ 
       
       1. Iron Man 3 รายได้ 600 ล้านเหรียญฯ
       2. Fast and Furious 6 รายได้ 500 ล้านเหรียญฯ
       3. Monsters University รายได้ 470 ล้านเหรียญฯ
       4. The Smurfs 2 รายได้ 460 ล้านเหรียญฯ
       5. Despicable Me 2 รายได้ 410 ล้านเหรียญฯ
       6. Star Trek รายได้ 400 ล้านเหรียญฯ
       7. Man of Steel รายได้ 360 ล้านเหรียญฯ
       8. Pacific Rim รายได้ 330 ล้านเหรียญฯ
       9. After Earth รายได้ 310 ล้านเหรียญฯ
       10. Hangover III รายได้ 300 ล้านเหรียญฯ
       
       นอกจากตลาดหนังสหรัฐฯ แล้วตอนนี้ภาพยนตร์ฮอลลีวูดก็สามารถทำรายได้ในประเทศต่าง ๆ ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ถึงขั้นที่หนังบางเรื่องแทบไม่ได้มองแค่เงินเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้นแล้ว
       
       โดยในช่วงหน้าร้อนปี 2013 ทาง Boxoffice Mojo เชื่อว่า Iron Man 3 ก็น่าจะทำรายได้มาเป็นอันดับ 1 ในตลาดโลกเช่นเดียวกัน รวมถึงหนังฟอร์มใหญ่เรื่องอื่น ๆ อาทิ Star Trek Into Darkness, Man of Steel และ Pacific Rim ก็น่าจะไปได้ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะ Fast and Furious 6 ที่คาดการณ์กันว่าน่าจะเก็บเงินนอกสหรัฐฯ ได้ถึง 500 ล้านเหรียญฯ เลยทีเดียว
       
       แต่ก็ยังมีหนังบางเรื่องที่ผู้สร้างคงหวังไว้กับตลาดต่างประเทศมากกว่าในสหรัฐฯ อาทิ หนังซอมบีฟอร์มยักษ์ World War Z ที่มี แบรด พิตต์ แสดงนำ หรือ The Smurfs 2 ที่แม้จะไม่ได้รับความสนใจในตลาดหนังสหรัฐฯ เท่าไหร่นัก แต่น่าจะเก็บเงินจากทั่วโลกระดับ 400 ล้านเหรียญฯ เป็นอันดับ 4 ของ 10 อันดับแรกเลย
       
       สำหรับหนังเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจในปีนี้ยังมี Lone Ranger ที่ต้องผ่าฟันอุปสรรคหลายอย่างกว่าจะได้สร้าง และใช้ทุนสร้างสูงมาก ซึ่งก็ต้องลุ้นว่าจะไปได้ดีกว่าหนังคาวบอยในฮอลลีวูดเรื่องอื่น (อย่าง Cowboys & Aliens และ Wild Wild West) ที่ปกติมักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักในซัมเมอร์ ซึ่งผลน่าจะออกมาโอเคในระดับหนึ่งด้วยรายได้ประมาณ 135 ล้านเหรียญฯ ในสหรัฐฯ และ 270 ล้านฯ ในต่างประเทศ เรียกว่าถึงจะไม่ล้มเหลว แต่ก็คงไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนหนังชุด Pirates of the Caribbean ของ จอห์นนี เดปป์ แต่อย่างใด
       
       Epic อนิเมชั่นของ Fox และ Turbo ของ DreamWorks ก็น่าจะพอเก็บเงินได้ แต่คงไม่หวือหวาอะไร ที่น่าจะคาดหวังได้มากกว่าคงจะเป็นตลาดต่างประเทศ
       
       ส่วนหนังฟอร์มใหญ่เรื่องอื่นในซัมเมอร์ อาทิ The Wolverine, Elysium, Grown Ups 2 และ The Great Gatsby ก็น่าจะทำเงินรวมทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศรวมไปประมาณ 200 - 300 ล้านเหรียญฯ

cr.http://www.manager.co.th

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X