|
ประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าว และมีแสงแดดอยู่ตลอดทุกฤดูกาล จึงทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าแสงแดดนั้นเป็นตัวการสำคัญในการทำร้ายผิวให้เกิดความหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำบนใบหน้า และทำให้ผิวเสีย แต่ในความเป็นจริงแล้วแสงแดดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าหากรู้จักป้องกันอย่างถูกวิธี
"รศ.พญ.ณัฏฐา รัชตะนาวิน" หน่วยโรคผิวหนังภาควิชาอายุรศาสตร์และสาราณียกร สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย แนะนำวิธีป้องกันแสงแดด ดังนี้
1.ป้องกันตัวเองจากแสงแดดโดยใช้วิธีกฎของเงา ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจนกว่าเงาจะยาวกว่าตัวของเรา คือ ช่วงเช้าก่อน 11.00 น. และช่วงเย็นหลัง 14.00 น. ซึ่งจะเป็นช่วงที่ปลอดภัย เพราะจะมีแสงยูวีบีน้อย
2.เสื้อผ้าเนื้อแน่น สีเข้ม หนา จะป้องกันแสงทุกประเภทได้ประมาณ 90%
3.เนื้อผ้าของร่มส่วนใหญ่จะกันแสงแดดได้ดีประมาณ 80-90% ซึ่งประสิทธิ ภาพในการป้องกันแดดของร่มขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และระยะห่างของร่มจากผู้ใช้ ถ้าร่มและตำแหน่งของดวงอาทิตย์ อยู่เหนือศีรษะพอดีก็จะป้องกันได้ดีที่สุด แต่โลกมีการเคลื่อนที่ ดวงอาทิตย์จึงจะไม่อยู่ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา เพราะฉะนั้นร่มจึงมีประสิทธิภาพในการป้องกัน 70-80%
4.หมวกปีกกว้าง เนื้อหนา สีเข้ม จะป้องกันแสงได้มากที่สุด
5.ป้องกันแสงแดดด้วยแว่นตา ไม่จำเป็นต้องราคาแพง เพราะประสิทธิภาพในการป้องกันยูวีแตกต่างกันไม่มาก จะแตกต่างเพียงสไตล์การออกแบบเท่านั้น ซึ่งแว่นตากันแดดที่ดีจะเป็นแว่นที่คาดมาถึงด้านข้างและมีการ์ดด้านบน หากแสงแดดมาจากด้านหน้า แว่นกันแดดจะปกป้องได้ดี แต่ถ้าหากแสงแดดมาจากด้านบน เช่นเวลาเที่ยงก็จะป้องกันได้น้อย เพราะแสงส่องผ่านมาจากขอบแว่นด้านบน ในชาวตะวันตก กระบอกตาจะลึกกว่าชาวเอเชียทำให้ได้แสงแดดน้อยกว่าชาวเอเชียที่มีเบ้าตาตื้น
6.ควรทาครีมกันแดดให้หนาสม่ำเสมอ เพราะผิวของมนุษย์ไม่เรียบ มีรอยหยักตื้นเป็นคลื่น ถ้าเราทาเพียงชั้นเดียวก็จะเหลือบริเวณที่ครีมกันแดดครอบคลุมไม่ถึง เพราะฉะนั้นจึงควรต้องทาครีมกันแดดบางๆ ทับกัน 2 รอบ และทาครีมกันแดดเฉพาะผิวหนังที่ไม่สามารถปกปิดได้ด้วยเสื้อผ้า เช่น ใบหน้า คอ หรือ หลังมือ เป็นต้น เพื่อลดความ สิ้นเปลือง
ทั้งนี้ แสงยูวีกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตวิตามินดี ดังนั้น ผู้ที่ป้องกันผิวหนังจากแสงแดดเป็นประจำควรทานอาหารที่มีวิตามินดี หรือทานวิตามินดีเสริมให้ได้ปริมาณอย่างน้อย 600 IU ต่อวันเพื่อป้องกันปัญหากระดูกบาง
โดยแสงแดดที่ส่องมายังพื้นโลกประกอบด้วยแสงสำคัญ 3 ส่วนคือ แสงที่ให้ความสว่าง มีปริมาณ 45% ของแสงแดด แสงอินฟราเรด ที่ให้ความร้อนมีปริมาณ 50% และแสงยูวี เป็นสาเหตุสำคัญของผิวไหม้แดง ผิวคล้ำ มะเร็งผิวหนัง และผิวชราจากแดด แม้จะมีปริมาณเพียง 5% ของแสงแดดทั้งหมด แบ่งย่อยออกเป็น 3 ส่วนตามความยาวคลื่น คือ ยูวีเอ บี และ ซี
ที่มา ข่าวสดออนไลน์