แม่ประนอม แถลงทั้งน้ำตาพ้อชีวิต จากเดินเร่ขายน้ำพริกถึงวันร่ำรวยและต้องออกจากบ้าน
2016-03-26 20:36:40
Advertisement
คลิก!!!

 

จากกรณี นางประนอม แดงสุภา หรือแม่ประนอม ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอมชื่อดัง เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับศูนย์บริการประชาชนของรัฐบาล เพื่อขอความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เนื่องจากถูกลูกสาวคนโตกับลูกเขนยึดกิจการ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 26 มี.ค. นางประนอม แดงสุภา หรือแม่ประนอม น้ำพริกเผาชื่อดัง เดินทางมาที่ร้าน พีเอส เรสเตอรองต์ ถนนพุทธมณทล สาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.เพื่อแถลงข่าว ในเรื่องที่ถูกลูกสาวคนโตฮุบกิจการ โดยแม่ประนอมเริ่มเล่าตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกิจการมาใช้เวลากว่า 60 ปีตั้งแต่อายุ 24 ปี จนปัจจุบัน 87 ปี  โดยเริ่มจากการที่นายศิริชัย แดงสุภา สามีกับตนเช่าห้องแถวเพียงสองห้อง แถวหมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตหนองแขม ตั้งเป็นโรงชื่อแม่ประนอม เดินขายตามร้าน มีลูกทั้ง 4 คน นางศิริพร ภาษาประเทศ นายสิริพงษ์ แดงสุภา (เสียชีวิตแล้ว) น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา น.ส.ศิริลักษณ์ แดงสุภา

 

"กว่าจะมาเติบโตยิ่งใหญ่ได้จนทุกวันนี้ผ่านความยากลำบากมาอย่างหนักถึง 60 ปี เริ่มต้นทำน้ำพริกตั้งแต่อายุ 24 กับสามีที่เสียไปแล้วเมื่อปี 2556 ต้องไปกู้ยืมเงินคนอื่นไปซื้อพริก กระเทียม กุ้งแห้ง มาเริ่มทำน้ำพริกเผา ซึ่งสมัยนั้นเครื่องกวนก็ไม่มีต้องใช้ไม้กวนเอง พอเริ่มขายดีก็ช่วยกันเก็บเงินจนได้ห้องแถว ย่านหนองแขม ทำเป็นโรงงานเล็กๆทำน้ำพริก แต่ก็ยังขายไม่ดีต้องส่งตามร้านก็ไม่มีใครซื้อ จนต้องเดินเร่ขายน้ำพริกเรื่อยมาจนโด่งดัง ขยับขยายโรงงานมาตั้งอยู่ที่ถนนบรมราชชนนี เขตทวีวัฒนา พลิกชีวิตจากที่ลำบากมาเป็นมีเงินทองอยู่สบาย แต่ตอนนี้ต้องกลับมาชีวิตลำบากอีกครั้ง"


โดย เมื่อปี 2524 ได้จดทะเบียนเป็นบริษัท ในนามบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ต่อมาเมื่อปี 2537 ตนกับสามี ได้ตั้งโรงงานขึ้นมาใหม่ เลขที่ 68/10 หมู่12 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา เพื่อขยายกิจการ ได้มอบหมายให้นางศิริพร ลูกสาวคนโต เป็นกรรมการบริหารงาน ต่อมาเมื่อปี 2544 ทางบริษัทได้เพิ่มทุนเป็น 59,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นจำนวน 59,000 หุ้น หลังจากที่เพิ่มทุนแล้ว สัดส่วนผู้ถือหุ้นหลักๆคือ ตน และสามีได้ให้นางศิริพร มีหุ้นจำนวน 20,000 หุ้น ส่วนสามี 20,000 หุ้น ของตน 18,200 หุ้น และน.ส.ศิริวัลย์ 350 หุ้น

 

แม่ประนอม กล่าวต่อว่า ที่มอบหมายให้นางศิริพร เป็นคนดูแลและบริหารงานทั้งหมดเนื่องจากไว้วางใจว่าเป็นลูกสาวคนโต และตนก็เป็นเพียงคนแก่ที่ไม่ค่อยรู้หนังสือไม่คิดว่าลูกจะทำแบบนี้ ต่อมา เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2556 นายศิริชัย แดงสุภา ได้เสียชีวิตลง โดยตนเป็นผู้จัดการมรดก ต่อมาเมื่อปี 2558 ตนได้มาทราบว่านางศิริพร ได้โอนที่ดินกองมรดกเป็นของตัวเอง ตนจึงขอร้องให้บุตรสาวโอนที่ดินคืนให้แต่ก็ไม่ยอมคืน จนมาทราบอีกทีว่าลูกสาวกับลูกเขย เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดรวมทั้งของตน ไปเป็นของลูกสาวกับลูกเขยทั้งหมด โดยตอนนี้ได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีอยู่ในขั้นศาล แต่ไม่ขอพูดเพราะจะมีผลต่อรูปคดี

 

 

"ถามว่าสมบัติแม่จะเอาไปทำไม อายุก็เท่านี้แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ตายยังต้องเลี้ยงคนอื่นอีก แม่ทำมาเพื่อลูกทุกคน ไม่ใช่ทำเพื่อคนนั้นคนนี้ แต่คนที่ทำมาก ควรได้มากก็ไม่เคยว่า แต่แบบนี้มันหาความยุติธรรมไม่มี แม่เคยพูดดีๆ หลายครั้งแล้ว ซึ่งลูกสาวก็เอาเอกสารมาให้เซ็นต์ตลอด แม้จะไปบวชที่วัดก็ตามไปเอาหลาน เอาเหลนไปกราบเท้า และก็เอาเอกสารมาให้เซ็นต์ ไม่เห็นหัวกระดาษ แต่ตัวเองปลงให้เซ็นต์ก็เซ็นต์ วันรุ่งขึ้นก็เอาสามีและเอาเอกสารมาให้เซ็นต์อีก

 

แม้แต่เรียกไปที่บ้านให้เซ็นต์เอกสารก็ไป มาตอนหลังจึงได้รู้ว่าลูกเอาลายเซ็นต์ไปเขียนอะไร หลังจากลูกสาว ได้ทุกอย่างก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ไม่ยอมพูดคุยกับตน บางครั้งก็ใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ ไม่ให้ความเคารพแม่เหมือนแต่ก่อน ตน จึงเกิดความอึดอัดใจ เลยออกจากบ้านมาเปิดร้านอาหาร พีเอส เรสเตอรองต์ กับ น.ส.ศริวัลย์ แดงสุภา ลูกสาวคนรอง ที่ต้องออกมาร้องเรียน เนื่องจากเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรม " แม่ประนอม กล่าวทั้งน้ำตา

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากฝากอะไรไปถึงลูกสาวหรือไม่ นางประนอม กล่าว อยากจะบอกกับลูกว่าแม่ให้อภัยลูกเสมอ อยากให้คืนกิจการและทรัพย์สิน เพราะว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่และมีภาระที่ต้องดูแลคนในครอบครัว ฝากเตือนลูกๆทั้งหลายอย่าได้ทำอย่างลูกของแม่ทำกับแม่เลย ขอยืนยันว่าถ้าคืนทรัพย์สินในส่วนของแม่ให้ แม่ก็จะไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป

 

ผู้สื่อรายงานว่า ระหว่างการแถลง แม่ประนอม พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นและมีตาตลอดเวลา จนทำให้ทนายความต้องขอยุติการแถลงลงแต่เพียงเท่านั้น 

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ตั้งอยู่เลขที่68/10 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. เนื้อที่หลาย 10 ไร่ เป็นโรงงานผลิต โกดังและคฤหาสน์หรูขนาดใหญ่หลายหลัง  โดยบรรยากาศบริเวณด้านหน้าบริษัทปิดประตูรั้วเหล็กไว้พบเพียง เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยที่ออกมาชี้แจงและให้เบอร์โทรศัพท์ทนายความเพื่อติดต่อสอบถามรายละเอียดด้วยตนเอง

 

ด้านนาย ทวิชา หวังโภคา อายุ 59 ปี ทนายความ เผยว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้นขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการศาลซึ่งยังไม่สิ้นสุด จึงได้หารือและมีข้อสรุปว่าจะมีการแถลงข่าวหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวนี้แต่อย่างใดเนื่องจากการให้ข้อมูลใดๆ นั้น อาจมีผลกระทบต่อรูปคดีได้ อีกทั้งการให้ข้อมูลต่อสื่ออาจมีผลเสียต่อทั้ง 2 ฝ่ายได้หรือเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลก็ได้ไป ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นควรที่จะพูดและแถลงข่าวในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นจึงยังไม่มีการจัดแถลงข่าวจากฝ่ายนี้แต่อย่างใด

 

ที่มา  ข่าวสดออนไลน์

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X