"น้องไอซ์-คุณย่า" เปิดใจออกทีวี เผยชีวิตรันทด เผยพ่อซึ่งเป็นนพ.เสียชีวิตเพราะติดเชื้อจากคนไข้
2016-02-20 21:21:28
Advertisement
คลิก!!!

คลิกที่ภาพเพื่อดูคลิป

 

  กำลังเป็นข่าวใหญ่ที่มีคนสนใจมากที่สุดในตอนนี้ เรื่องราวของ น.ส.อารดา หรือน้องไอซ์ วงศ์ดีเลิศ เด็กกำพร้าวัย 15 ปี ที่ชีวิตตกระกำลำบากหลังสูญเสียทั้งพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กๆ โดยพ่อคือ นพ.กฤษฎา วงศ์ดีเลิศ จากนั้นน้องไอซ์ต้องอาศัยกับคุณย่าวัย 80 ปี ด้วยชีวิตที่แสนยากลำบาก


   ล่าสุด น้องไอซ์ และย่าบุญนาค จับศรทิพย์ วัย 81 ปี ได้ออกรายการเจาะข่าวเด่น ออกอากาศทางช่อง 3 โดยมีสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ป็นพิธีกร ซึ่งน้องไอซ์เล่าเรื่องถึงความเป็นอยู่ว่า เป็นลูกของพ่อ นพ.กฤษฎา วงศ์ดีเลิศ ตอนเธออายุ 5 เดือน คุณแม่ได้เดินทางโดยรถยนต์กับเพื่อนผู้ใหญ่ 3 คน แต่รถเกิดอุบัติเหตุจนทุกคนเสียชีวิตหมด มีแต่เธอกระเด็นออกจากรถรอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว ต่อมาไม่นานตอนอายุ 2 ขวบ คุณพ่อ ซึ่งเป็นแพทย์ที่จบจากคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้เสียชีวิตลง

 


   ย่าน้องไอซ์กล่าวว่า น้องไอซ์เขียนเรียงความที่โรงเรียน คาดว่าที่น้องเขียนแบบนั้น คงเป็นเพราะน้อยเนื้อต่ำใจที่น้องเกิดมาไม่มีพ่อไม่มีแม่ ญาติพี่น้องก็ไม่เหลียวแล เหลือแต่ย่า เขาจึงเขียนลงไปในเรียงความ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะชนะเรียงความมาก่อน


  น้องไอซ์ เล่าชีวิตตัวเองว่า คุณย่าเคยเล่าว่าแม่ของเธอเสียอายุตอน 5 เดือน พ่อก็ไม่มีเวลาเลี้ยง จึงต้องให้ย่าที่ตอนนั้นทำอาชีพเลี้ยงจระเข้มาช่วยเลี้ยงตน หลังจากนั้นพอ 2 ขวบ พ่อก็ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อจากคนป่วย ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตได้ไปแต่งงานใหม่ แต่ไม่มีลูกกัน พอพ่อเสียชีวิตภรรยาใหม่ก็ไปมีครอบครัวใหม่ สาเหตุที่พ่อของเธอเสียชีวิตนั้น เพราะต้องรักษาคนไข้ที่มีอาการป่วยหนักมาก ด้วยความที่เป็นห่วงคนไข้ จึงรักษาโดยไม่ได้ป้องกันอะไร ขณะรักษาคนไข้ได้ใส่สายทิวบ์ที่จมูก ส่วนผู้ช่วยก็ปั๊มลมหายใจอยู่ และจังหวะนั้นพ่อของเธอก้มลงไป แต่คนไข้อาเจียนเข้าที่ใบหน้าพ่อ ตอนแรกก็ยังไม่มีอาการในทันที ต่อมาประมาณ 5-6 เดือน จึงมีอาการป่วยติดเชื้อ

 


   ย่าน้องไอซ์ เล่าถึงอาการป่วยของลูกชายในตอนนั้น ว่า อาการป่วยในตอนนั้นเหมือนเขาปวดหัวธรรมดา แต่เมื่อเป็นนานขึ้นก็เกิดอาการน็อก และมีสมองบวม จึงนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตอนนั้นอาการหนักมากแล้ว จึงเอากลับมาดูแลต่อที่บ้าน สุดท้ายลูกชายได้เสียชีวิต โดยก่อนจะขาดใจตาย ลูกชายได้ขอนอนหนุนตัก แล้วก็หมดลม ขณะนั้น ลูกชายอายุเพียง 35 ปี แต่เขาก็ทิ้งลูกของเขาคนหนึ่งไว้ให้เลี้ยง

 
 พิธีกรถามว่าเหนื่อยหรือไม่ที่เลี้ยงน้องไอซ์ ย่าบุญนาคกล่าวว่า มันก็เหนื่อยเพราะเราไม่รู้ว่าเด็กเติบโตมาจะนิสัยอย่างไร คำพูดที่เราอบรมไปก็ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ เราก็คิดไปสารพัด แต่น้องไอซ์ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ถือว่าเป็นบุญอย่างหนึ่ง ขยันขันแข็งช่วยทำมาหากิน


  "น้องไอซ์ออกจากโรงเรียนเพราะต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อย เนื่องจากน้องไอซ์เครียด ประกอบกับมีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก อีกทั้งเงินทองก็กระท่อนกระแท่น ถึงแม้รัฐบาลจะช่วยเหลือในการศึกษาบ้าง แต่การใช้ชีวิตในโรงเรียนก็มีกิจกรรมอื่น ๆ ทั้งค่ากิน ค่าอยู่ ค่ารถ จะให้น้องไอซ์ไปโรงเรียนเองก็ไม่ได้เพราะกลัวชัก คนอื่นขับรถมาอาจชนเขา จะพลอยติดคุกไปด้วย ก็ต้องจ้างรถรับส่งนักเรียน"ย่าบุญนาคกล่าว

 


 น้องไอซ์กล่าวถึงเรื่องการศึกษาของเธอว่า ผลการเรียนของเธอเฉลี่ยอยู่ที่ 3 กว่า ๆ แต่ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่เทอมแรก เพราะหากไม่หยุดเรียนก็จะไม่มีที่ซุกหัวนอน โดยอาศัยการรับจ้างทั่วไป อาทิ โปรยทานในงาน ถักนิตติ้ง ถักโครเชต์ รับจ้างทำการบ้าน รับจ้างช่วยเหลือคนป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ค่าจ้างไม่แน่นอน กลับกันตนมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง อาทิ ค่าบ้าน ค่าน้ำ และค่าไฟ


 "เมื่อพ่อเสียแล้ว ภรรยาใหม่เขาก็แยกไปมีครอบครัวใหม่ ย่าก็พาเธอเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพาไปหาคนที่รู้จัก เมื่อเจอกันเขาก็รับย่าไปทำงานเป็นแม่บ้านในโรงงาน ซึ่งตอนนั้นชีวิตก็ไม่ได้ลำบาก โดยไปอยู่ที่จ.นครปฐมเป็นเวลา 10 ปี หนูก็ได้เรียนจนจบ ป.6 ถึงแม้ไม่มีพ่อไม่มีแม่ แต่หนูไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะยังมีคุณย่าอยู่ ย่าเป็นคนดุมากพูดคำไหนคำนั้น ถ้ามีเรื่องไหนที่ทำให้โมโห ย่าจะไม่พูดด้วยเป็นอาทิตย์"น้องไอซ์กล่าวและว่า ส่วนโรคลมชักเพิ่งมาเป็นตอน ม.2 อาการก็ชักเหมือนไม่มีตัวตน หลับไปเลยจะรู้ตัวอีกทีเมื่อย่าพบเห็นแล้วพูด และยังมีอาการปวดหัวปวดหลังอีกด้วย


   ย่าน้องไอซ์ เล่าเพิ่มเติมว่า ตอนน้องไอซ์ชักจะมีน้ำลายและเลือดปนกันออกมา มือและขาแข็ง ตาเหลือกปากเบี้ยว ตอนนั้นเธอก็เขย่า ๆ ตัว และอาราธนาพระ เป่าหัวหลาน ช่วงแรก ๆ น้องไอซ์มีอาการบ่อยพอสมควร แต่ทุกวันนี้ดีขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามยังต้องกินยาต่อเนื่่อง ซึ่งค่ายาก็แพงมาก

 
  ย่าน้องไอซ์ เล่าอีกว่า จะบอกว่าไม่ท้อในโชคชะตาชีวิตก็ไม่ใช่ เพราะบางครั้งเหนื่อยจนท้อ พอเห็นชีวิตคนอื่นที่สุขสบาย แต่ทำไมเราทำดี ก็ท้อแต่ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย ถ้าท้อวันใดก็จะแอบร้องไห้ไม่ให้หลานเห็น แต่ไม่ได้ร้องไห้บ่อย


    ย่าบุญนาคกล่าวว่า ปู่ของน้องไอซ์เสียชีวิตตั้งแต่ นพ.กฤษฎาอายุ 1 ขวบ 4 เดือน ที่่บ้านตนก็ไม่ได้มีฐานะดีแต่อย่างไร ตอนนั้นเข้ามากรุงเทพฯ มาหาบผลไม้ขาย ตอนเล็ก ๆ แม่มาเลี้ยง นพ.กฤษฎา ตอนที่ นพ.กฤษฎา บอกตนว่าจะเรียนหมอ ตนบอกว่าเรียนอย่างอื่นไม่ได้หรือ เพราะเราไม่เงิน แต่นพ.กฤษฎาก็ดื้อและจะเรียนหมอให้ได้ และบอกกับตนว่าคนเราถ้าไม่มีความหวัง เราต้องมีมานะ วันหนึ่งต้องเป็นของเรา


 "ตอนลูกเอ็นท์ติดหมอ ชาวบ้านละแวกนั้นต่างก็มาดีใจกับฉัน แต่ฉันกลับเป็นลมล้มตึง เหงื่อซึมไปเลย เพราะคิดว่าไม่มีเงิน กลัวลูกต้องอับอาย เพราะออกจากการเรียนกลางคัน การเรียนหมอก็ใช้เยอะมากโข ใช้จ่ายไปเท่าไรไม่ได้จด เมื่อลูกขอก็ให้ มีน้อยก็บอกลูก ถ้าไม่มีต้องไปขอกู้หนี้จากคนรู้จักแต่เขาไม่คิดดอกเบี้ย และก็ขายขนมกลางวัน กลางคืนส่งของที่ตลาดมหานาค สุดท้ายก็ส่งจนเรียนจบหมอ คืนหนึ่งฉันจะนอนวันละ 2 ชั่วโมง หากวันไหนได้นอน 3 ชั่วโมงถือว่าเป็นบุญมาก ส่วนนพ.กฤษฎาก็ได้ช่วยตัวเองด้วยการรับจ้างติวให้กับคนที่จะสอบหมอ โดยได้รับค่าจ้างชั่วโมงละ 200 บาท" ย่าบุญนาคกล่าวว่า และว่า ตนไม่ได้ไปร่วมงานรับปริญญาของนพ.กฤษฎา เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายเวลามีผู้คนเยอะ ๆ แต่รูปที่ตนพกติดตัวตลอดเวลาคือรูปนพ.กฤษฎา ในชุดบัณฑิตคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเป็นของที่รักเท่าชีวิต


  ย่าบุนนาคเล่าด้วยเสียงสะอื้นว่า หลังจากที่พ่อน้องไอซ์เสียใหม่ก็ยังมีทรัพย์สมบัติอยู่ แต่ต้องเอาไปขายหมด เงินซื้อนมกระป๋องก็ไม่มี ต้องไปซื้อนมข้นมาให้น้องไอซ์กิน ที่ตนเล่าเรื่อง นพ.กฤษฎาให้น้องไอซ์ฟังเพื่อให้สำนึกว่า อย่าเป็นคนเกเร ไม่ดี เพราะเชื้อสายเราไม่เคยมี ถ้าเป็นอย่างนั้นถือว่าใช้ไม่ได้ น้องไอซ์มีตัวอย่างคือพ่อที่แม้เป็นชาย และแม้ไม่มีเวลาเลี้ยงก็ยังไม่เคยข้องเกี่ยวกับยาเสพติดเลย ถ้าน้องไอซ์ที่เป็นผู้หญิงไปติดยาถือว่า ไม่ใช่เลือดเนื้อของเธอ เพราะตระกูลตนไม่เคยมี อย่างไรก็ตามตนยังอยากให้น้องไอซ์เรียนต่อ แต่อยากให้อาการป่วยของน้องไอซ์หายก่อน


   ช่วงท้ายของรายการ ย่าน้องไอซ์กล่าวด้วยความตื้นตันหลังจากรับรู้ว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้รับน้องไอซ์เป็นนักเรียนในพระอุปถัมภ์ จนกว่าจะจบการศึกษาในระดับสูงสุด ว่า "พูดไม่ออกแล้ว ขนาดเชื้อพระวงศ์ยังทรงห่วงใย เราเป็นราษฎรลำบากท่านยังห่วงใย แม้เราเป็นแค่เศษเสี้ยวธุลี"  ส่วนน้องไอซ์ยืนยันว่าจะดูแลย่าให้ดีที่สุด สิ่งแรกที่จะให้ย่าได้คือบ้าน

 

ขอบคุณข้อมูลและคลิปจาก

เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X