ไม่รับฎีกา "สาวซีวิค"ชน9ศพ รับโทษชั้นศาลอุทธรณ์ จำคุก2ปี-รออาญา4ปี
2015-05-12 12:40:38
Advertisement
คลิก!!!

 

ผู้เสียหายฟ้องแพ่งต่อ ให้พ่อแม่ชดใช้120ล้าน


สิ้นสุดทางอาญา คดี "สาวซีวิค" ซิ่งชนรถตู้ ตกทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ตาย 9 ศพ เมื่อ ปี 2553ศาลฎีกาไม่รับคดี ชี้คำร้องจำเลยไม่มีสาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาลล่างที่ ไม่รับฎีกา รับโทษตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ จำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 4 ปี บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี ห้ามขับรถจนกว่าอายุ 25 ปีบริบูรณ์ ทนายผู้เสียหายเตรียมยื่นต่อศาลแพ่ง ฟ้องพ่อแม่จำเลยให้ชดใช้ค่าเสียหาย 120 ล้านบาท 



เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ศาลอ่านคำสั่งศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา (นามสมมติ) อายุ 21 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาท จนเป็นเหตุใน ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย และใช้โทรศัพท์ขณะขับรถยนต์ จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2553 จำเลยซึ่งเป็นเยาวชน อายุ 17 ปี ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎว 8461 กทม. ขึ้นบนทางยกระดับโทลล์เวย์ และพุ่งชนกับรถตู้โดยสาร ทะเบียน 13-7795 กทม. วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและกระเด็นตกจากทางด่วนรวม 9 ศพ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญาติผู้เสียชีวิตที่เป็นโจทก์ร่วมเดินทางมาศาล ส่วนจำเลยและครอบครัว พร้อมทนายความ เดินทางมาศาลด้วยเช่นกัน โดยศาลไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าฟังในห้องพิจารณาคดี ให้แต่เฉพาะคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้น เข้ารับฟัง คำสั่งได้ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย เนื่องจากคำร้องฎีกาไม่มีสาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาลล่างที่ ไม่รับฎีกา



สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2555 ว่าจำเลยมีความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย เป็นเวลา 3 ปี คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี โดยคุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุกๆ 3 เดือน พร้อมให้ทำงานบริการสังคมด้วยการดูแล ผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง รวมทั้งห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนความผิดฐานใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจาก ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยใช้โทรศัพท์จริงหรือไม่ ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2557 แก้เป็นว่าจากที่รอลงอาญา 3 ปี ให้ระยะเวลารอลงอาญาเป็น 4 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี เป็นเวลารวม 4 ปี ส่วนโทษอื่นให้คงตามศาลชั้นต้น และจำเลยยื่นฎีกาต่อสู้คดี



น.ส.อิสรีย์ยา ธนะชวาลย์ ทนายความญาติผู้เสียหาย กล่าวว่าจำเลยเป็นฝ่ายยื่นฎีกา โดยก่อนหน้านี้จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว แต่ศาลไม่รับฎีกา จำเลย จึงยื่นคำร้องฎีกาต่อศาลฎีกาอีกครั้ง ประเด็นที่จำเลยยื่นนั้นต่อสู้ว่าไม่มีเจตนากระทำประมาท แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำร้องฎีกาของจำเลยไม่เป็นประเด็นที่จะรับไว้พิจารณา ดังนั้นจึงถือว่าคดีอาญาสิ้นสุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 4 ปี และห้ามขับรถจนกว่าอายุ 25 ปีบริบูรณ์ หลังจากนี้จะขอคัดคำสั่งของศาลฎีกา นำไปยื่นต่อศาลแพ่ง เพื่อให้สืบพยานต่อในคดีที่ญาติผู้เสียชีวิตยื่นฟ้องบิดามารดาจำเลยให้ชดใช้ค่าเสียหาย 120 ล้านบาท ที่ก่อนหน้านี้ศาลแพ่งสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวเพื่อรอผลทางอาญา



ส่วนนางทองพูน พานทอง มารดาของ น.ส.นฤมล ปิตาทานัง คนขับรถตู้หนึ่งใน ผู้เสียชีวิต กล่าวว่าศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกาที่จำเลยยื่น ทางเราก็ยอมรับตามกระบวนการของกฎหมาย ขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจและไม่ลืมกัน



"เราอยากให้คดีจบโดยเร็ว วันนี้เหมือนแผลกำลังหายแล้ว และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากจำเลย และไม่เคยคุย หรือโทรศัพท์มาหา ขอให้เหลียวมองเรา สักนิด ไม่ต้องมากมาย เจอหน้าคุยกันบ้าง หรือแค่บอกว่าเสียใจด้วยนะเราก็ชื่นใจแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินจากปากเขาเลย" นางทองพูนกล่าวทั้งน้ำตา



สำหรับความคืบหน้ากรณีรถกระบะเฉี่ยวชนรถจักรยานพ่วงของนายฮวน ฟรานซิสโก กิลเลอโม อายุ 48 ปี นักปั่นจักรยานชาวชิลี ผู้ทำสถิติลงกินเนสส์เวิลด์เรกคอร์ด 5 ทวีป เสียชีวิต ส่วนนางโพ เล่ง อายุ 40 ปี ภรรยาได้รับบาดเจ็บขาซ้ายหัก และลูกชายวัย 2 ขวบได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุเกิดที่ถนนมิตรภาพ หลัก ก.ม.ที่ 247-248 ต.หนองหว้า อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลจังหวัดบัวใหญ่ จ.นครราชสีมา มีคำพิพากษาไปแล้วเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา พิพากษาจำคุก นายทิวารัตน์ ชัยพิเดช คนขับรถกระบะ เป็นเวลา 2 ปี ปรับ 15,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เป็นโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 7,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

 

ขอขอบคุณที่มา  ข่าวสดออนไลน์

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X