ศาลตัดสินประหารชีวิต “หมอสุพัฒน์-ลูกชาย” ฆ่าแรงงานพม่า
2015-05-01 18:44:38
Advertisement
คลิก!!!

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 1 พฤษภาคม ที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษา ระหว่างอัยการ โจทย์ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 1 นายอัคร เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 2 และนายเอก เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 3 ซึ่งนายเอกกับนายอัคร ทั้งสองเป็นบุตรชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบังซ่อนเร้นศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและกระทำการใดๆ แก่ศพ ก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี 

เหตุเกิดที่ไร่ของจำเลยใน ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2552

 


 โดยคดีดังกล่าวมีมูลเหตุแห่งคดีเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2555 นายสว่างหรือค่อม นุ่มจุ้ย เจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี และ น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย บุตรสาว ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี ว่าพบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีเทา ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ซึ่งบุตรชายและบุตรสะใภ้ของนายสว่าง ที่หายไปทั้งคนทั้งรถนานกว่า 3 ปี ที่บ้านร้างของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ที่ จ.นนทบุรี ผู้ให้เบาะแสการพบรถคือนายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เชื่อว่าทั้งสองถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว ต่อมามีการสืบสวนขยายผลไปค้นบ้านพักในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และคลินิกของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ในกรุงเทพฯ พบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก 

 นอกจากนี้ ทางสืบสวนยังพบว่ามีแรงงานชาวพม่าที่อยู่ในการดูแลของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ที่เข้าเมืองโดยมิได้รับอนุญาตจำนวนหลายคน ทั้งยังพบว่ามีการทารุณแรงงานชาวพม่า หลายคนทำงานโดยมิได้รับค่าตอบแทน และได้รับแจ้งว่าหนึ่งในจำนวนแรงงานพม่าชื่อนายอีต้า ถูก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ฆ่าฝังไว้ในไร่  และจากการขุดบริเวณไร่หลังบ้านที่ ต.กลัดหลวง พบโครงกระดูกจำนวน 3 โครงถูกฝังอยู่ โดย 1 โครงที่ถูกขุดพบมีร่องรอยถูกกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ ซึ่งเมื่อตรวจพิสูจน์ทาง DNA แล้วพบว่าเป็นโครงกระดูกของนายอีต้า แรงงานชาวพม่าที่สูญหายไป  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามตัว และจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ที่ปึกเตียนวิลล่า อ.ท่ายาง แจ้งข้อกล่าวหา 3 คดีหลักคือ ค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพ และควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางเพชรบุรี กระทั่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว 


 ซึ่งต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 ศาลเพชรบุรีได้นัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่น แต่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่มาศาลทั้งยังมิได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วยเหตุใด ศาลจึงออกหมายจับ ให้ออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราวขอยื่นประกันตัวไว้มูลค่า 3,000,000 บาทและนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 1 พ.ค.2558


 ปรากฏว่าในวันนี้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา มีเพียง นายอัคร และนายเอก บุตรชาย จำเลยร่วมในคดีฆ่าผู้อื่นฯ น.ส.ศิวารายา ณ สงขลา ภรรยาคนที่ 4 ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และทนายความมาฟังคำพิพากษาเท่านั้น ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่มาศาล มีพฤติการณ์หลบหนีคดี จึงอ่านคำพิพากษาลับหลัง โดยได้พิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งของโจทย์และจำเลย รวมทั้งพยาน คือ นายสรพงษ์ หรือกะลา และนายโย่ง ชาวพม่า คนงานในไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกันว่า เหตุการณ์ฆาตกรรมนายอีต้า ดังกล่าว เกิดเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2547 เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจที่นายอีต้า สนิทสนมกัน นางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของตน จึงให้นายกะลาจับกุมนายอีต้า ไปในไร่แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อนขุดหลุมฝัง โดยมีนายเอก ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนนายโย่งหลบหนีมาได้ ทั้งนี้ศาลพิจารณาว่าคำให้การของนายอีต้าและนายโย่งสอดคล้องกัน


 นอกจากนี้ จากผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์พบว่า กะโหลกที่ขุดพบในจุดที่นายกะลา ชี้ว่าฝังศพนายอีต้า มีรอย กระสุนปืน และพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน นำกะโหลกไปตรวจสอบ DNA เทียบกับ บิดา และลูกชายนายอีต้าพบว่าตรงกัน จึงยืนยันว่าเป็นกะโหลกของนายอีต้า ที่ถูกฆาตกรรมโดยการยิงที่ศีรษะตรงกับคำให้การนายกะลา


 ศาลพิพากษาประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ และนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชาย ข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวพม่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการกระทำใดๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี  ส่วนนายอัคร เลาหะวัฒนะ บุตรชายอีกคนที่ร่วมก่อคดี ขณะเกิดเหตุอายุ 19 ปีเศษ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี 3 เดือน หลังคำพิพากษานายเอก และนายอัครได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวชั้นอุทธรณ์ โดยศาลเพชรบุรีจะส่งคำขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิจารณาต่อไป


 สำหรับลำดับเหตุการณ์การพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และครอบครัว นั้น คดีแรกที่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ กับภรรยาคือนางวิลสา ถูกดำเนินคดีคือลักทรัพย์และรับของโจร คดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิจารณาพิพากษา จำคุก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ 5 ปี นางวิลสา 3 ปี 4 เดือน ส่วนข้อหารับของโจรพิพากษายกฟ้อง โดยจำเลยทั้ง 2 ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อยื่นอุทธรณ์ ศาลอนุญาต
ในวันที่ 20 มกราคม 2558 ศาลเพชรบุรีได้นัดอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ แต่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอเลื่อนนัดศาล โดยอ้างว่าประสบอุบัติเหตุตกบันได และศาลได้เลื่อนฟังคำพิพากษา มาเป็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 


 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลเพชรบุรีได้นัด พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ฟังคำพิพากษาอีกคดีหนึ่ง คือ คดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จำเลยที่ 1 นายอัคร เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 2 และนายเอก เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 3 ฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบังซ่อนเร้นศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและกระทำการใดๆ แก่ศพ ก่อนมีการชันสูตรพลิกศพ เพื่อการอำพรางคดี เเต่ปรากฏว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาและได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัด ด้วยเหตุใด มีเพียง นางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยา จำเลยร่วมคดีรับของโจร กับนายอัคร และนายเอก บุตรชาย จำเลยร่วมในคดีฆ่าผู้อื่นฯ และทนายความมาฟังคำพิพากษาเท่านั้น ศาลได้สอบถามภรรยาและบุตรจำเลยที่มาศาลแล้ว ได้รับคำตอบว่า ไม่ทราบว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไปไหน


ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มีพฤติการณ์หลบหนีคดี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราว ในคดีลักทรัพย์ จำนวน 300,000 บาท พร้อมออกหมายจับและให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวคดีฆ่าผู้อื่นฯ ที่ขอยื่นประกันตัวไว้มูลค่า 3,000,000 บาท และให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาทั้ง 2 คดี มาเป็นวันที่ 25 มี.ค.2558 ปรากฏว่า ในวันดังกล่าว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 1 ไม่มาศาล มีเพียงนางวิลสา จันทรบัญชร จำเลยที่ 2 มาผู้เดียวพร้อมทนาย โดยก่อนหน้าศาลได้ออกหมายจับให้นำตัวจำเลยที่ 1 มาฟังคำพิพากษา แต่ไม่พบตัว และมีกำหนดครบ 30 วันแล้ว ศาลจึงได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลัง โดยได้พิเคราะห์ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งของโจทก์และจำเลย รวมทั้งความเห็นของศาลชั้นต้น แล้ว เห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้น จึงให้ยกคำอุทธรณ์ พิพากษายืนให้ จำคุก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ 5 ปี นางวิลสา 3 ปี 4 เดือน สำหรับจำเลยที่ 1 ไม่มาฟังคำพิพากษา ให้ออกหมายจับใหม่ เพราะหมายจับเดิมครบกำหนด ส่วนหลักประกันให้เจ้าพนักงานทำการริบ


 ส่วนคดีฆ่าผู้อื่นและอำพรางศพ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จำเลยที่ 1 ไม่มาศาล มีเพียงนายอัคร เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 2 และนายเอก เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 3 (ทั้งสองเป็นบุตรชาย) เป็นจำเลย ฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบังซ่อนเร้นศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและกระทำการใดๆ แก่ศพ ก่อนมีการชันสูตรพลิกศพ เพื่อการอำพรางคดี พบว่า เจ้าหน้าที่ศาลไม่ได้ส่งหมายจับ ไปยังเจ้าพนักงานตำรวจ จึงไม่สามารถนับระยะเวลา 30 วันนับแต่วันส่งหมายจับ เพื่ออ่านคำพิพากษาลับหลังได้ ศาลจึงได้สั่งให้มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 1 พ.ค.58 โดยให้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ส่งหมายจับให้เป็นไปตามขั้นตอน กระทั่งในวันนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาประหารชีวิตหมอสุพัฒน์กับลูกในที่สุด

 

ขอขอบคุณที่มา  ข่าวสดออนไลน์

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X