ประโยคประทับใจ.. จาก AI YAZAWA “นักเขียนผู้มีโลกเป็นที่รัก”
2014-12-29 11:11:29
Advertisement
คลิก!!!

 

เมื่อพูดถึงหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นแล้ว ผมคิดว่าแต่ละคนก็คงจะมีนักเขียนหรือมีผลงานที่ชื่นชอบแตกต่างกันไปตามแนวทางของแต่ละคน แต่สำหรับผมแล้วนักเขียนการ์ตูนที่ผมเคารพและติดตามงานมาอยู่เสมอคือ ไอ ยาซาว่า (Ai Yazawa) นักเขียนเจ้าของผลงานดังๆ มากมายเช่น Paradise Kiss หรือ Nana ซึ่งล้วนได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์คุณภาพมาแล้วทั้งสิ้น 
 



งานเขียนของ Ai Yazawa ไม่ใช่งานเขียนเพื่อประโลมโลกเพียงอย่างเดียว แต่เธอมักจะแฝงข้อคิดหรือแนวทางของการดำรงอยู่ที่ถึงแม้จะดูเพ้อฝันในบางครั้ง แต่บางทีเราก็ต้องยอมรับว่าความเพ้อฝันนั่นล่ะ ที่ก่อร่างสร้างความแข็งแกร่งให้กับคนเรามากกว่าความเป็นจริงที่ดูเหมือนเป็นตัวบ่งทำลายความรู้สึกอยู่เสมอ งานเขียนของไอ ยาซาว่า มีจุดเด่นตรงที่ความบีบเค้นและถ่ายทอดความรู้สึกที่ทุกคนเคยพ้นผ่าน เพียงแต่ “ไม่อยากจะรู้สึก” หรือกระทั่ง “ลืมไปเลยว่าฉันควรจะรู้สึกแบบนั้น”... บางทีสังคมก็มีกฏเกณฑ์มากมายที่ปิดกั้นแม้กระทั่งความรู้สึกของเรา เหตุนี้ไอ ยาซาว่า คือผู้ถ่ายทอดเบื้องลึกของสังคมออกมาผ่านการ์ตูนที่เปรียบเสมือนสื่อกลางในการสัมผัสหัวใจของผู้อ่านทุกคน

และเมื่อช่วงเดือนสองเดือนก่อนผมมีโอกาสได้เดินทางไปงานหนังสือที่แฟรงค์เฟิร์ต ตลอดจนเดินทางต่อไปยังเวียดนามเพื่อสำรวจตลาดหนังสือในภาพรวม (งานที่แฟรงค์เฟิร์ตถือเป็นงานที่ใหญ่สุดในโลก ซึ่งวงการหนังสือจะใช้งานนี้เป็นการอ้างอิงถึง “กระแส” ที่กำลังเกิดขึ้นต่อจากนี้) 

ที่นั่นผมได้พบกับตัวแทนสำนักพิมพ์ในละแวกเพื่อนบ้านเราหลายต่อหลายแห่งแสดงความต้องการที่จะเผยแพร่งานของไอ ยาซาว่ามากขึ้น โดยไม่สนใจว่าปัจจุบันนักเขียนจะต้องหยุดเขียนและไม่มีกำหนดว่าจะกลับมาเขียนต่อเมื่อไหร่ นั่นเพราะสำนักพิมพ์ต่างๆมองว่า งานเขียนของเธอ ถึงแม้ “เนื้อเรื่อง” จะยังไม่สามารถเดินต่อไปได้ แต่ “ระยะทาง” ที่เธอร่างมาให้กับงานทุกชิ้นนั้น มีความหมาย และส่งประโยชน์ต่อผู้อื่นได้จริงๆ

ดังนั้นผมจึงคิดอยากเลือก “ประโยค” หรือข้อความที่ผมประทับใจจากการ์ตูนของไอ ยาซาว่า มาให้ผู้อ่านได้สัมผัสหรือรู้จักเธอผ่านงานเขียนนี้มากยิ่งขึ้นครับ




 

“อยู่คนเดียวกับถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว มันไม่เหมือนกันหรอก”


ประโยคนี้เป็นประโยคที่สะเทือนใจอย่างยิ่งครับ สาระสำคัญของเรื่องนี้คือ “การมองความทุกข์รอบตัว” ของตนเองและผู้อื่น สำหรับบางคนแล้วอาจจะมองว่า “ฉันอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” และพาลไปคิดว่าการอยู่คนเดียวของอีกคนนั้นจะไม่เป็นอะไร โดยไม่เคยมาสนใจเลยว่าเขาอยากจะอยู่คนเดียวรึเปล่าด้วยซ้ำ 

มีการพูดกันว่า “อยากอยู่คนเดียว แปลว่ามีบางสิ่งรออยู่เบื้องหน้า แต่การถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว หมายความว่ามีอะไรหลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง” ดังนั้น “ความเข้าใจ” คือสิ่งที่เราต้องมีเสมอ ไม่ว่าจะเผชิญหน้าอยู่กับสถานการณ์หรือกระทั่งความรู้สึกแบบใด




“เราสามารถมีเพื่อน... เราสามารถมีคนรัก... เราสามารถอยู่ร่วมกันได้เสมอ... แต่เมื่อมาลองคิดดูแล้ว... เราต่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน”


ไอ ยาซาว่า พยายามบอกเราเสมอว่ามนุษย์เรา สุดท้ายก็ต้องแยกจากกัน ต่อให้รักกันแค่ไหน เราก็กลายเป็นคนเดียวกันไม่ได้ ดังนั้นความรักที่มากขึ้น คือน้ำตาที่อาจจะมากขึ้นในวันลาจาก อย่างไรก็ตาม มนุษย์เองแม้ไม่อาจรวมกันเป็นหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจแยกจากกันเป็นสอง เหตุนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ “เราต้องรัก ให้สมกับที่ถูกใครสักคนรัก”... เมื่อนั้นวันลาจาก หรือ “วันที่ต้องโดดเดี่ยว” ก็จะไม่ดูไร้ค่าจนเกินไปนัก..




“ฉันยังโชคดี ที่มีบางอย่างซึ่งไม่อยากจะเสียไป”


ในโลกของคนที่ได้รับทุกสิ่งโดยง่าย เขาจะไม่เข้าใจเลยว่าคุณค่าของ “การมี” และ “เคยมี” สำคัญแค่ไหน สำหรับมนุษย์แล้ว ความจริงข้อหนึ่งที่อาจจะดูเศร้าไปสักหน่อยคือ “ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย” มีค่าความหมายมากกว่า “การมองไปข้างหน้าโดยทิ้งเบื้องหลังไป”... 

ไอ ยาซาว่า ย้ำในการ์ตูนของเธอเสมอว่า “การทับถมของอดีต คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้” ดังนั้นไม่เฉพาะเรื่องความรัก แต่หมายรวมถึง “ทุกสิ่ง ที่เคยเป็นของเรา” ย่อมมีค่าพอให้เราต้อง “กลัวที่จะสูญเสีย”... ไม่มีอะไรหรอกที่จะอยู่กับเราไปตลอด และทันทีที่เราเผลอคิดว่ามี เมื่อนั้นคือช่วงที่มันพร้อมจะหายไปจากเรามากที่สุด... ดังนั้นเราทุกคนควรฉกฉวยวันเวลา และรักษาสิ่งที่เรามีให้ดีที่สุด




“อย่าเร่งฉันนักเลย... ฉันต้องการเวลาอีกหน่อยเพื่อจะตกหลุมรักคุณ”


ประโยคสำคัญจาก Paradise Kiss เล่มแรกว่าด้วย “การตกหลุมรัก”... สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อว่า “การแอบรัก” และ “การตกหลุมรัก” คือช่วงเวลาที่ความรักเบ่งบานที่สุด มากกว่าการได้รับรักหรือการอยู่ร่วมกันด้วยซ้ำ 

อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องยากในความเป็นจริง นั่นเพราะสังคมล้วนตั้งเป้าหมายถึงการแอบรักเป็น “วิธีการ” และการ “ถูกรัก” เป็นผลสำเร็จ ดังนั้นผมเชื่อเสมอว่า ถ้าเราให้เวลากับการตกหลุมรัก ให้เวลากับความรักจนสุกงอมระหว่างกันคือสิ่งที่ดีที่สุด นั่นเพราะบางขณะ “เพียงรัก” ก็ไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจ เพราะต่างฝ่ายล้วนต้องมีบริบทหรือเรื่องราวเฉพาะของตนที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าสู่เส้นทางของคนสองคน ดังนั้น “เวลา” คือสิ่งที่คนรักต้องมีให้กันเสมอ และตลอดไป...




“เราหัวเราะให้กับความรัก แต่ความรักจะทำให้เราร้องไห้”


ไม่มีการทะเลาะใดหรอกครับที่จะทำให้คนเราเข้าใจกันมากขึ้น และแน่นอนเช่นกันว่าความเข้าใจที่อาจเพิ่มขึ้นจากการทะเลาะ ย่อมมาจากที่คุณเข้าใจกันไม่ดีพอตั้งแต่แรกต่างหาก ความรักที่ดีไม่ได้หมายความถึงรักที่ทำให้เรายิ้มเสมอ และรักที่ดีอาจไม่ได้สัมผัสในวันที่เราหัวเราะจนสุดใจ แต่อาจมาในวันที่เราร้องไห้จนไม่เหลืออะไรในหัวแล้วมากกว่า ความรักคือสิ่งที่ตั้งอยู่บนเส้นบางๆ ความรักคือความรู้สึกเดียวที่เปรียบเสมือนการเอาหัวใจไปเดิมพันแล้วไม่รู้ว่ามันจะตกลงไปในฝั่งของรอยยิ้มหรือฝั่งของน้ำตา “ความคาดหวัง” จึงกลายเป็นศัตรูที่ร้ายที่สุดที่เกาะกินหัวใจของคู่รักและก่อให้เกิดความเศร้าระหว่างกันในท้ายที่สุด




“จำวันแรกที่เราเจอกันได้มั๊ย?...”



ผมขอจบบทความประจำสัปดาห์นี้ด้วยข้อคำถามอันเป็นบทเปิดเรื่องของการ์ตูน “นานะ”... มันเป็นเพียงคำถามง่ายๆ แต่ยากที่จะหาคำตอบครับ หากมองไปรอบตัวของเรา คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เราจำได้ว่าเจอกันครั้งแรกตอนไหน โดยแม้แต่คุณพ่อ คุณแม่ พี่น้อง ของเราเอง เรายังจำไม่ได้เลยว่าวินาทีแรกที่เรารู้จักกัน คือตอนไหน... 

หลายๆอย่างต้องทำให้เราย้อนกลับมามองครับ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเท่านั้น แต่บางสิ่งบางอย่างรอบตัวเรา บางทีเราก็จำที่มาที่ไปของมันไม่ได้ ตรงนี้เป็นรายละเอียดที่เราอาจจะต้องใส่ใจเอาไว้บ้าง เชื่อว่าต้องมีประโยชน์เข้าสักวันอย่างแน่นอน

ย้ำอีกครั้งว่างานของไอ ยาซาว่า ถือเป็นการ์ตูนที่มีคุณค่า และหากมีโอกาสก็อยากให้หามาอ่านกันครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ

 

เรื่องโดย : ปูมิ www.marumura.com

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X