Review: Blue Valentine
2012-07-14 22:03:57
Advertisement
คลิก!!!

จริงจนเจ็บ

เมื่อแรกรักน้ำผักก็ว่าหวาน ครั้นเนิ่นนานน้ำอ้อยก็กร่อยขม” เป็นประโยคที่ลอยเข้ามาในหัวของผมหลังจากชมหนัง Blue Valentine จบ พร้อมกับความรู้สึกจุกแบบพูดไม่ออกครับ เพราะว่าหนังเรื่องนี้นำเสนอออกมาได้อย่าง “จริง” จนเราเจ็บตาม

Blue Valentine เป็นเรื่องราวชีวิตคู่ของดีน (ไรอัน กอสลิ่ง) และ ซินดี้ (มิเชล วิลเลียมส์) ที่ยามแรกรักนั้นหวานชื่น แต่กลายเป็นความจืดจางหมางเมินหลังจากใช้ชีวิตคู่อยู่กินกันไป เป็นเนื้อหาที่ไม่ได้แปลกใหม่บนโลกภาพยนตร์ แต่สิ่งที่ทำให้หนังโดดเด่นออกมาคือการนำเสนอที่เน้นความสมจริงทั้งทางอารมณ์และทางการแสดง มีการตัดต่อและการถ่ายภาพที่เปรียบเทียบให้เห็นชัดและเก๋

หนังเล่าเรื่องขนานกันไประหว่างช่วงปัจจุบันที่รักจาง กับอดีตเมื่อแรกรักและยินดีให้โอกาสกัน เปรียบเทียบความแตกต่างของนิสัยและความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวเอก โดยให้คนดูเป็นผู้สังเกตการณ์เพื่อเปรียบเทียบเอาเอง และไม่พยายามตัดสินแทนว่าใครผิดหรือถูก

หนังไม่ได้บอกเราว่าแบบตรงๆ ว่าระหว่างกึ่งกลางของอดีตและปัจจุบันเกิดอะไรขึ้น แต่ให้คนดูเดาเอาจากการเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบันว่าการที่เลิกถนอมน้ำใจกัน เลิกทะนุถนอมกัน และสร้างความผิดหวังให้แก่กันนั้นคงเป็นสาเหตุสำคัญ และก็คงค่อยๆ สั่งสมมาจนถึงวันที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเหลืออด

ในภาคปัจจุบัน ดีนปากร้าย หยาบคาย ขี้เหล้า ขณะที่ซินดี้เองก็ดูจะไม่พอใจกับพฤติกรรมของสามี และเหมือนผู้หญิงที่เครียดอยู่ตลอด แล้วตัดย้อนกลับไปในอดีตตอนที่แรกรักกันก็จะเห็นพวกเขาเป็นอีกแบบ ดีนเป็นคนมีอารมณ์ขัน โรแมนติก ขยันทำงาน ช่างเอาใจ เป็นที่พึ่งได้ ส่วนซินดี้เองก็เป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้ม ตาเป็นประกาย และชีวิตมีอนาคต

สาเหตุของรักจางอาจมาจากการที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตั้งความหวังไว้แล้วไม่ได้ดังหวัง ซินดี้นั้นท้องตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้ไม่อาจเป็นหมอได้ดังที่หวัง และเธอเองก็ดูจะหวังให้ดีนพาชีวิตของเธอไปในทางที่รุ่งเรืองกว่าที่เป็นอยู่ สังเกตได้ตอนที่ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องศักยภาพของดีนที่ตอนหนุ่มเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่ดีนไม่ต้องการใช้ชีวิตเหมือนหัวหน้าครอบครัวที่ทำหน้าที่หาเลี้ยงเท่าไหร่ อยากทำตัวเป็นแค่สามีที่ให้ความรักลูกกับภรรยาเพียงอย่างเดียว

แต่ความรักอย่างเดียวของดีนนั้นอาจยังไม่พอที่จะช่วยประสานรอยร้าว เพราะตัวเขาเองก็เลิกที่จะพูดดีและรักษาน้ำใจภรรยา มีฉากหนึ่งตอนที่สุนัขตาย ดีนตะคอกด่าซินดี้ที่ไม่ปิดประตูให้ดี ซึ่งแตกต่างจากตอนที่เขารู้ว่าซินดี้ท้อง เขาให้กำลังใจซินดี้และอยู่เคียงข้างเธอตลอด

และเมื่อความคิดไปกันคนละทาง และรักจางจืดแล้ว สิ่งที่เคยทำให้มีความสุขได้สมัยแรกรักก็ไม่อาจใช้ได้ผลอีก ดูได้จากฉากร่วมรัก สิ่งที่ดีนเคยทำให้ซินดี้มีความสุขเมื่อก่อนไม่อาจทำให้เธอพึงพอใจได้เมื่อดีนพยายามทำให้เธอตอนไปเช่าโรงแรมเพื่อรักษาชีวิตคู่กัน

การถ่ายภาพเองก็ช่วยเปรียบเทียบอดีตและปัจจุบันได้อย่างชัดเจน โดยการใช้กล้อง 16 ม.ม. มาถ่ายฉากในอดีตให้ดูฟุ้ง สดใส มีความหวัง สวยงาม และโรแมนติก ขณะที่ใช้กล้อง RED ถ่ายฉากปัจจุบันที่เน้นภาพชัดเจน ดูจริง เหมือนดูสารคดี และหดหู่

สิ่งที่ทำให้เราอินเป็นพิเศษคงไม่พ้นการแสดงอันสุดยอดของทั้งวิลเลี่ยมส์และไรอันแสดงได้เข้าขากันมากๆ จนเหมือนเป็นคู่สามีภรรยากันจริงๆ ซึ่งต้องขอบคุณผู้กำกับเดเร็ก เซียนฟรานซ์ ให้ทั้งคู่ได้ทดลองไปอยู่ในรถเทรลเลอร์ด้วยกัน ให้ซื้อของชำเข้าบ้านเอง และให้แสดงสดโดยไม่ใช้บท ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็คือความสมจริงจนเรารู้สึกเหมือนไม่ได้ดูการแสดงอยู่ แต่ดูชีวิตของคนคู่หนึ่งจริงๆ

หนังบอกเล่าจนมาถึงจุดที่ซินดี้ต้องตัดสินใจบางอย่าง และเพราะการเล่าเรื่องของหนังก่อนมาถึงจุดนี้นั้นค่อยๆ สร้างอารมณ์ร่วมได้เป็นอย่างดี ทำให้ฉากจุดแตกหักที่ดูง่ายๆ นั้นทรงพลังอย่างมาก อดทำให้เราเจ็บปวดตามตัวละครไปไม่ได้ แล้วยิ่งเจ็บปวดเข้าไปอีกเมื่อเราเห็นภาพของพวกเขาตอนที่เพิ่งแต่งงานกันและดูรักกันเหลือเกิน

การใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันนั้น บางครั้งแค่ความรักอย่างเดียวก็ไม่พอครับ มันต้องมีทั้งความเข้าใจกัน การรักษาน้ำใจกัน หนังเรื่องนี้จึงเหมาะแก่คู่สามีภรรยาเป็นอย่างยิ่งที่จะดูเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ว่า จะทำยังไงให้อยู่ด้วยกันอย่างหวานชื่นและยาวนานที่สุด

jediyuth.wordpress.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X