เมฆฝนนั้นตั้งเค้าทะมึน บ่งสัญญาณว่าจะเกิดพายุใหญ่ตามมา
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ดังเรื่องราวของ "ศึก K-1World Max Final 2014" ที่พัทยา ไทยแลนด์
"แบล๊กโกลด์" บัวขาว ยอดมวยไทยแห่งยุคนั้น เคยคว้าแชมป์ศิลปะการต่อสู้ที่โด่งดังที่สุด คือ "เค-วัน" นี่แหละ มาแล้ว 2 สมัยในปี 2004 และ 2006
K-1 เดิมนั้นเป็นของญี่ปุ่นหัวใส นำไปจัดยิ่งใหญ่ได้รับความนิยม แต่ (อาจจะ) ไม่ประสงค์ให้เกิดประวัติการณ์รวบแชมป์ 3 สมัย ดังนั้นในปี 2005 บัวขาวจึงพ่ายคู่แข่ง "แอนดี้ ซอเยอร์" ไปแบบค้านสายตา
ไม่เพียงเท่านั้น ทางเค-วันพยายามออกกฏ กติการิดรอน การออกอาวุธแม่ไม้มวยไทย หยุมหยิมทีละเล็กทีละน้อยไปเรื่อย อาทิ ห้ามใช้ศอก ห้ามคีบคอแล้วซอยเข่า ฯลฯ
จนมาล่าสุด ก่อนชกกับ "เคห์ล" ก็ยังมิวาย ห้ามบัวขาวออกอาวุธ ทุ่มทับจับแล้วแทง..!! (แกว่างั้น)
กาลเวลาผ่านไป เมื่อสูงสุดถึงจุดอิ่มตัว ก็มักจะคืนสู่สามัญ ต่อมาไม่นาน จู่ๆ ผู้จัดเควัน เจอข้อหาย้อนหลังเลี่ยงภาษีโทษจึงมีถึงขั้นอาญาติดคุก..!!
ทว่าลิขสิทธิ์ผู้จัดนั้นได้ตกทอดมาถึงมร. ไมค์ คิม (Mike kim) ซีอีโอ บริษัท k-1 โกลบอล โฮดิ้งส์ ลิมิเตด ซึ่งดำเนินนโยบาย แบ่งจ่ายให้แก่ชาติใดสนใจจะโดดเข้ามาร่วมจัด ก็ว่ากันไป ตามแต่ข้อเสนอรายละเอียดร่วมกัน เพราะญี่ปุ่นนั้นเริ่มตกต่ำและไม่จัดเองมานานแล้ว
ดังนั้นเค-วัน 2014 รอบไฟนอล นัดชิงชนะเลิศจึงมาลงตัวที่เมืองพัทยา เมื่อ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมคู่ชิงชนะเลิศคือ บัวขาว ที่เปลี่ยนสีเสื้อมาเป็น "เมฆบัญชา"(ตั้งใจเขียนให้ผิด) กับ เอนริเก้ เคห์ล คู่ปรับเก่าชาวบาวาเรี่ยนดังที่ว่า..
โดยที่โปรโมเตอร์ ผู้จัดฝ่ายไทยนั้น มิได้ล่วงรู้ตื่นลึกหนาบ้างใดๆ กับทางเจ้าของลิขสิทธิ์เค-วัน ที่มอบหมายให้ มร.เนด คูรัค มาเป็นผู้ดูแล...แต่อย่างใด
ทั้งนี้ เฉพาะคู่ไฮไลท์ระหว่าง “เอ็นริเก้ เคห์ล” กับ “บัวขาว” นั้น มีข่าวลือเข้าหูทีมงานของ ยอดมวยไทย มาก่อนหน้านั้นแล้ว ว่า ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ (ไม่เกี่ยวกับผู้จัดร่วมของไทย) อาจมีการดำเนินการบางอย่างที่ไม่ได้ยืนอยู่บนหลักการของการต่อสู้บนสังเวียนแต่เพียงอย่างเดียว
สาเหตุสำคัญก็เพราะผู้ดูแลผลประโยชน์ของบัวขาวนั้นตัดสินใจไม่ยอมต่อสัญญากับ ทาง เค-วัน ซึ่งกำหนดจะสิ้นสุดลงหลังการชกไฟต์นี้ นั่นหมายถึงทางเค-วัน เอง จำต้องหา “ซุปตาร์” สืบทอด เพื่อให้รายการนั้นขายได้ในโอกาสต่อไป
ขณะเดียวกันก็มีการเปิด เว็บรับแทงพนันแบบถูกกฎหมายที่เมืองนอก แน่นอนว่า แฟนๆ ทั่วโลกที่สนใจต้องแห่กันเทข้างยอดมวยไทยเป็นหลัก เนื่องจากเคยเอาชนะกันมาก่อน ซ้ำยังเป็นการชกในประเทศไทยอีกด้วย
เรื่องของ "การพนัน" นั้น ทีมงานบัวขาวไม่เห็นงาม เพราะสปอนเซอร์ส่วนตัวหลายยี่ห้อ ที่ล้วนแต่เป็นแบรนด์เนมใหญ่คงไม่พอใจ ด้วยเหตุนี้ จึงมีข่าวผจก.ส่วนตัวและบัวขาวไปขึ้นโรงพักแจ้งความ ว่าตนนั้นไม่มีส่วนรับรู้เรื่องการพนันขันต่อใดๆทั้งสิ้น..!!
ก่อนวันชก มีการชั่งน้ำหนักและประชุมกติกาตามกฎ ผู้ใกล้ชิดวงใน ให้ข้อมูลว่า ทางผู้จัดเค-วัน พยายามย้ำและออก กติกา หยุมหยิม มากมาย เช่นห้าม บัวขาว ทุ่มทับใช้เหลี่ยมหักและดันแทง คู่ต่อสู้ ฯลฯ อันเป็นแม่ไม้ถนัดของยอดมวยไทย ทำเอาสีหน้า "เจ้าดำ" นั้นเคร่งเครียดไม่น้อย ...แต่ทีมงานคงเตรียม "แก้ลำ" เป็นทีเด็ดไว้แล้วในใจ ??
ถึงวันชกแฟนๆ ที่ได้ชมในเวที รวมทั้งถ่ายทอดสดทั่วประเทศ คงได้เห็นแล้วว่า..รูปเกมการชก “บัวขาว” หาได้ดึงฝีมือ หรือผ่อนปรนแต่อย่างใด
ตรงข้ามกลับประเคนพายุ อาวุธหนักทุกชนิดเข้าใส่ นักชกเยอรมัน ราวกับโกรธแค้นกันมาเป็นแรมปี!!
ตัวของ เคห์ล เองก็ใช่จะย่อยด้วยฝีมือและกระดูกมวยก็ยังตอบโต้เตะต่อย สวนหมัดเข้าใส่บัวขาวได้ไม่น้อยเช่นกัน ทว่าสิ่งที่เห็นได้ชัด คือลูกดัก หักเหลี่ยมดัน แล้วแทงเข่ากระชากของบัวขาวนั้น ถูกงัดออกมาใช้ ชนิดไม่สนใจกติกาที่เพิ่งคุยข้ามวันกันมาแต่อย่างใด เคห์ลถูกเตะถูกตัดล้มกลิ้งล้มหงาย แถมยกสุดท้ายทั้งคู่ยังแลกหมัดสาดอาวุธกันชนิดลืมตาย ราวกับว่า...บัวขาวจะขอฝากลายเป็นครั้งสุดท้าย ให้กับ รายการ..เควัน ยังงัย ยังงั้นเลยทีเดียว !!
และทันทีที่ระฆังหมดยกที่ 3 อันเป็นยกสุดท้าย “ยิ้วยิ้ม” ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผจก.ส่วนตัว และ บัวขาว ตลอดจนทีมงาน ซึ่งเตรียมการกันไว้แล้ว ก็รีบโดดเชือกวิ่งกรูกันลงจากเวทีไปขึ้นรถตู้ทางด้านหลัง บึ่งหายไปในความมืดทันที โดยไม่รอฟังผลการแข่งขันเลยด้วยซ้ำ
ทางด้านผู้จัดเค-วันเอง แม้จะงงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กรรมการก็ประกาศคำตัดสินให้เสมอกัน นั่นหมายถึงต้องมียกพิเศษ ยกที่ 4 ตามกติกามวยเค-วัน ..!!
แต่เนื่องจากไม่มีบัวขาวคู่ต่อสู้กลับมาขึ้นเวทีชกต่อ และสัญญาณถ่ายทอดสด ก็ยังคงค้างอยู่หน้าจอทีวี ชนิดที่ มร.เนด คูรัค ผู้จัดเองก็ยืนเก้อ อยู่เป็นนานหลายสิบนาที สุดท้ายหลังปรึกษากัน จึงตัดสินชี้ขาดให้ “เอ็นริเก้ เคห์ล” กลายเป็นผู้ชนะ คว้าแชมป์เค-วัน ฤดูกาล 2014 ไปครอง ชนิดพลิกความคาดหมาย เนื่องจากคู่ต่อสู้ไม่ปรากฏตัว ท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนๆ มวยในสยาม ที่ต่างพากันประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแน่นอนว่าข่าวนี้ ย่อมกลายเป็นข่าวกระฉ่อนไปทั่วโลกอย่างแน่นอนในวันรุ่งขึ้น
และไม่ว่า เนื้อข่าวทั่วโลกจะรายงานไปในรูปแบบใด ..สิ่งที่แน่ๆ นั้นคือ ทีมงานของบัวขาวคงไม่กลับมาญาติดีกับทางเค-วัน ผู้เคยปลุกปั้นดั้งเดิมจนโด่งดังขึ้นมาอีกแน่
แต่ที่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ความแค้นเคืองของทางผู้จัด ซึ่งต้องมองว่า ทีมงานบัวขาวนั้น หักลำตนเองแบบฉีกหน้าไปทั่วโลก.. ด้านยอดมวยไทยนั้นเล่า ก็ต้องมองว่า เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ที่ตนจะไม่ยอมให้ บุคคลใดฉกฉวยผลประโยชน์นำตนไปหากินในทางพนันได้ง่ายๆ
ความสัมพันธ์อันดีระหว่าง “เค-วัน กับ บัวขาว” เห็นทีจะถึงไฟนัล (สิ้นสุด) กันอย่างแท้จริงในครั้งนี้ แต่จะมีเหตุการณ์ ดราม่า หรือ ความวุ่นวายตามมาเช่นไร ต้องติดตามกันอย่างกระชั้นชิดต่อไป แล้วละครับ !!
ที่มา มติชนออนไลน์
Login with facebook
"สอดสร้อย สาวสังเวียน" เจาะลึกกรณี "บัวขาว vs เค-วัน" ทำไมสุดท้ายจึงจบไม่สวย?!?!
