“มด” เปลี่ยนไป เลิกเที่ยว ไม่สนผู้ชาย หันหน้าเข้าวัด อ่านหนังสือธรรมะ
2012-07-06 21:24:49
Advertisement
คลิก!!!

“มด” เปลี่ยนไป เลิกเที่ยวกลางคืน ไม่สนผู้ชาย หันหน้าเข้าวัด อ่านหนังสือธรรมะ บอกทำแล้วชีวิตดีขึ้น ใช้ชีวิตมีสติ และใจเย็นมากขึ้น เผยตั้งแต่เป็นคนใหม่ทำเอาพ่อกับแม่ดีใจและแฮปปี้มาก

เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว สำหรับนักร้องสาว “มด ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ” ที่ตอนนี้สลัดคราบสาวน้อยวัยรุ่นเที่ยวเล่นไปวันๆ มามุ่งหาธรรมะ วันว่างมดก็จะเดินทางไปปฏิบัติธรรม และช่วยงานที่วัดเป็นประจำ อยู่ๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแบบนี้ ทำเอาแม่ของนักร้องสาวออกอาการปลื้มเอามากๆ

“ส่วนใหญ่มดจะชวนเขา ว่าวันนี้แม่ไปหรือเปล่า มดว่างนะ คือเราก็ได้บุญ แล้วก็ได้กับตัวเอง เราไปก็รู้สึกดีกับใจเราเอง แฮปปี้ คือเราก็ไม่คิดหรอกนะว่าจะมาอ่านหนังสือหรือเข้าวัดแบบนี้ ตอนเด็กๆ เลยนะ แต่พอเราได้อ่าน เราก็รู้สึกว่ามันมีอะไรอีกเยอะที่เรายังไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือธรรมมะ หรือหนังสืออะไรก็แล้วแต่ มันทำให้เราเปิดโลกกว้างมากขึ้น เพราะจริงๆ เป็นคนไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าไหร่ มีอ่านบ้าง แต่เพิ่งมาเริ่มอ่านจริงๆ จังๆ ช่วงนี้ ก็จะชวนแม่ไปร้านหนังสือ บอกซื้อหนังสือที่มีประโยชน์กับชีวิตบ้าง”

“ตอนนี้เรียกว่าเปลี่ยนไปเยอะค่ะ ตั้งแต่ที่ไปวัดท่าไม้ หลวงพี่อุเทน สิริสาโร ท่านสอนเราเยอะมาก ท่านสอนว่าชีวิตคนเราต้องคิดถึงอนาคตของเรานะ เราคิดหรือยังว่าอนาคต ถ้าเราไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงเราจะทำอะไร เราก็เออเนอะ เราไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย หลวงพี่ก็บอกว่าเราต้องคิดนะ ต้องวางรากฐานชีวิตเราให้มั่นคงด้วย เพื่อตัวเราเองและครอบครัวของเราด้วย”

“คุณแม่เขาอยากให้เข้าวัดอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ ธรรมดาค่ะ เขาก็อยากให้ทำบุญ แม่ชวนเราก็ไป ก็ตามใจคุณแม่ค่ะ เราไปเราก็รู้สึกแฮปปี้ เข้าวัดจิตใจเราก็สงบ แล้วก็รู้สึกดีด้วย เข้าวัดไปเราทั้งล้างห้องน้ำ กวาดลานวัด อย่างทางวัดก็มีร้านก๋วยเตี๋ยว เราก็ไปช่วยขาย นี่ก็เพิ่งไปเดินธุดงค์มาเองค่ะ 18 กิโลเมตรค่ะ ที่วัดท่าไม้ เดินจากหน้า อ.สวนผึ้ง ไปวัดโมกสิวาลัย เป็นเดินเฉลิมพระเกียรติ”

บอกหลังปฏิบัติธรรมกลายเป็นเป็นคนใช้ชีวิตมีสติ และใจเย็นมากขึ้น

“นี่ไม่ไปเที่ยวไหนเลย ปาร์ตี้ไม่มีเลย คือทำงานเสร็จก็กลับบ้าน มีไปกินข้าวกับเพื่อนบ้าง แต่จะไม่ออกไปตอนกลางคืนค่ะ จะไปช่วงกลางวัน แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยได้ไป ซึ่งปกติก็ไม่ได้อยู่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้ก็ยิ่งไม่ค่อยได้ไปเลย เพราะตอนกลางวันก็ต้องไปถวายเพลก่อนแล้ว แล้วก็อยู่ที่วัด ช่วยงานที่วัด”

“เพื่อนๆ ก็มีถามนะ ว่าว่างมั้ยมาเจอกัน เราก็บอก อ่อ..อยู่วัด เขาก็บอกอยู่วัดอีกแล้วเหรอ(หัวเราะ) เราก็บอกว่าอยู่วัด เราได้ทำบุญ ได้ทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อตัวเราเอง ดีกว่าไปเสียเวลาทำอะไรไร้สาระ”

“เราก็จะชวนเพื่อนๆ ไปวัดด้วย ถือว่าเป็นการบอกบุญ คือเราทำอะไรเราได้กับตัวเราเอง เราก็อยากให้คนอื่นได้บุญบ้าง ผลจากการที่ได้ศึกษาธรรมะแน่นอนคงเป็นสติ สมาธิ ใจเย็นลงเยอะ คือยอมรับเลยว่าชีวิตตอนนี้ก็ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนรอบข้างหรือตัวเราเอง ก็โอเคพื้นฐานมันมาจากตัวเราเองอยู่แล้ว พอเราดีตัวเราดีแล้วคนรอบข้าง อย่างคุณพ่อคุณแม่เขาก็ดีใจว่าเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีนะ”

ส่วนเรื่องหนุ่มๆ ก็ไม่อยากคิดแล้ว ขอตั้งใจทำงานก่อนตรงนี้ให้ดีก่อน

“เรื่องหนุ่มๆ เราไม่ได้โฟกัสจุดนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ เราทำอะไรที่เรามีความสุขเราก็ทำ การเข้าวัดเข้าวามันทำให้เรามีความสุข ก็เลยมองว่า ชีวิตเราตั้งใจทำงาน เรียนหนังสือก่อนดีกว่า เรื่องพวกนี้ ถ้ามันจะมีก็มีเองแหละ”

“มดเองไม่เคยชวนเพื่อนชายไปเข้าวัดนะ จะมีแต่เพื่อนผู้หญิงแล้วก็ทีมงานอาร์เอส (การปฏิบัติธรรม ทำให้มุมมองถึงหนุ่มๆ ที่จะมาจีบเราเปลี่ยนไปไหม?) หนูไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ค่ะ พูดตรงๆ ว่าฉันต้องมีสเปคแบบนี้ ต้องเอาแบบนี้ ฉันอยากได้แบบนี้ ไม่ได้คิดแบบนี้เลย ที่คิดอยู่ตอนนี้คือตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน เรียนให้จบ”

“แล้วก็คิดว่าโตขึ้นไปแล้ว เราจะทำอะไร คือวางรากฐานตัวเอง คิดแค่นี้ ที่จริงอาชีพนักร้องมันก็ไปได้เรื่อยๆ แต่ถามว่าเป็นอาชีพหลักมั้ย มันเป็นแค่อาชีพเสริม เพราะต้องมีคนเข้ามาใหม่ๆ อยู่แล้ว เรามีวันขึ้นเราก็ต้องมีวันลงได้ แล้วถึงวันนั้นเราจะทำอะไรเพื่อเลี้ยงตัวเองต่อไป เลี้ยงครอบครัวต่อไปให้ได้อย่างมั่นคง อย่างที่เราเป็นแบบทุกวันนี้ เราก็ต้องเตรียมพร้อมแล้ว ถามว่ายังจะเป็นนักร้องนานแค่ไหน ก็ขอทำให้ถึงที่สุด ตอนนี้ยังแบ๊วได้ก็ขอแบ๊วก่อน แต่เราเองก็เตรียมตัวสำหรับวันข้างหน้าไว้เหมือนกัน”

http://www.manager.co.th

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X