“เท็ด กิ๊บสัน” ช่างผมชื่อดังที่ร่วมผลักดันให้สายงานของเขาได้รับการยอมรับจากออสการ์

สายงานช่างทำผมกำลังจะได้รับการยกย่องจากวงการหนังสหรัฐฯ อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว กับการเปลี่ยนชื่อรางวัลสาขา “แต่งหน้ายอดเยี่ยม” ให้เป็น “แต่งหน้า และออกแบบผม ยอดเยี่ยม” สำหรับการมอบรางวัลออสการ์ในครั้งต่อไป

สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการถึงการเปลี่ยนแปลงรางวัลในสาขา “การแต่งหน้า” ให้เป็น “การแต่งหน้า และทำผม” แทน หลังจากก่อนหน้านี้ช่างทำผมในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ได้พยายามเรียกร้องให้สายงานของพวกเขา มีชื่ออยู่ในรางวัลออสการ์ด้วยมาตลอด

งานนี้ช่างผมชื่อดัง เท็ด กิ๊บสัน แห่งรายการ What Not to Wear ที่มีร้านอยู่ในนิวยอร์ก มีลูกค้าเป็นคนดังอย่าง เรเน เซลเวเกอร์, เคท กอสลิน, โซอี ซัลดานา, แอชลี กรีน ซึ่งถือว่าเป็นคนหนึ่งที่เคลื่อนไหวเรียกร้อง ให้ออสการ์ยอมรับสายงานการทำผมให้มากขึ้นมาตลอด ได้กล่าวด้วยความยินดีว่า

“ผมตื่นเต้นมากที่ในที่สุดสถาบันฯ ก็ยอมรับงานของช่างทำผม เป็นจุดเริ่มต้นอันยอดเยี่ยม ทุกคนพยายามบอกสถาบันฯ มาตลอดให้เพิ่มสาขารางวัลสำหรับการออกแบบทรงผม แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนอง ผมภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหว ซึ่งได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในที่สุด”

อย่างไรก็ตาม กิ๊บสัน ยังกล่าวว่า เขาเองก็ไม่ได้พอใจอย่างเต็มร้อยสำหรับการเพิ่มส่วนของ "การออกแบบทรงผม" ลงไปในรางวัลสาขา “การแต่งหน้า” เพราะอยากจะให้สายงานของช่างผม ได้มีรางวัลของตัวเองที่เป็นเอกเทศมากกว่า

“เมอริล สตรีพ เคยเอ่ยถึงช่างออกแบบทรงผมของเธอ ระหว่างกล่าวขอบคุณ (สำหรับการได้รับรางวัลออสการ์สาขานำแสดงหญิงใน The Iron Lady) เธอรู้ดีว่าหากมากองถ่ายแบบเป็นตัวเอง ก็คงไม่ได้รับออสการ์ ด้วยทรงผม, การแต่งหน้า และเครื่องแต่งกาย ล้วนมีบทบาทสำคัญ และควรจะมีรางวัลแยกสาขาให้กับงานทุกส่วน”

ในประวัติศาสตร์ของออสการ์ เริ่มมีการแจกรางวัลสาขาการแต่งหน้ากันครั้งแรกในปี 1981 จนกระทั่งในปี 1993 มีการเพิ่มเติมรายละเอียดของรางวัลในสาขานี้ ว่ารวมถึงการออกแบบทรงผมที่ “มีส่วนต่อรูปโฉม และส่งผลถึงตัวละครเป็นอย่างมาก” ให้เป็นข้อกำหนดของการมอบรางวัลด้วย อย่างไรก็ตาม รางวัลยังคงใช้ชื่อว่า “การแต่งหน้า” ซึ่งส่วนใหญ่ช่างแต่งหน้าจะเป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปครอง โดยเฉพาะสำหรับการแต่งหน้าเทคนิคพิเศษ ส่วนงานสายช่างผมแทบไม่ได้มีบทบาท จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนี้

นอกจากนี้ ยังจะมีความเปลี่ยนแปลงในรางวัลอีกหลายสาขาสำหรับออสการ์ครั้งต่อไป ที่จะมีการมอบกันในช่วงเดือน ก.พ.2013

เช่น ในรางวัลสาขา เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ที่สามารถมีรายชื่อผู้แต่งเพลง 4 คนได้ จากเดิมที่แต่ละเพลงสามารถใส่ชื่อคนแต่งได้เพียง 3 คนเท่านั้น, สาขาหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม มีการระบุกฎเพิ่มเติมว่าแต่ละประเทศต้องส่งหนังในรูปแบบ 35mm หรือ DCP (Digital Cinema Package) ให้กับทางสถาบันฯ เท่านั้น แต่ในการฉายจริง จะเป็นระบบใดก็ได้, ส่วน รางวัลเทคนิคด้านภาพยอดเยี่ยม มีการเพิ่มจำนวนหนังในรอบ 7 เรื่องสุดท้าย ให้เป็น 10 เรื่องสุดท้าย ก่อนที่จะให้กรรมการได้คัดเลือกหนังเพื่อเสนอชื่อชิงรางวัลต่อไป

http://www.manager.co.th