พรรคเพื่อไทย ยื่น 4 ข้อเสนอให้ กกต. เพื่อขยายวันเลือกตั้ง - เปลี่ยนแปลงสถานที่ เพื่อแก้ไข 8 จังหวัดภาคใต้ ไม่สามารถรับสมัครเลือกตั้งได้

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยสมาชิกจากพรรคการเมืองอื่น ๆ อาทิ พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย พรรคชาติสามัคคี และพรรคกสิกรไทย ได้ยื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อเสนอข้อเสนอ 4 ข้อ หลังจากที่ 8 จังหวัดภาคใต้ ไม่สามารถรับสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตได้

ทั้งนี้ ข้อเสนอทั้งหมด มีดังนี้

1. ผู้สมัครสามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจในเขตจังหวัด เนื่องจากสาเหตุที่ไม่สามารถสมัคร ส.ส.ได้ในวันที่ 1 มกราคม และให้ถือว่าผู้นั้น รับสมัคร ส.ส.โดยชอบแล้ว

2. เสนอให้ กกต. แก้ไขเปลี่ยนแปลง และละเว้นกฎระเบียบบังคับ ที่เป็นการตัดสิทธิ์การสมัครของ ส.ส.

3. หากผู้สมัครไม่สามารถสมัครได้ทันวันที่ 1 มกราคม ขอให้ กกต. ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 , 236 ขยายเวลาการสมัครออกไป

4. ขอให้ กกต. ดำเนินคดีผู้ขัดขวางการทำงานของ กกต.ประจำจังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการขัดขวางการเลือกตั้งอีก

นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวว่า 8 จังหวัดภาคใต้นั้น ถือเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับมีการขัดขวางการเลือกตั้ง จึงขอร้องให้ กกต. ดำเนินการตามข้อเสนอทั้ง 4 ข้อ อีกทั้งยังอยากฝากถึง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ว่าอย่าให้สัมภาษณ์คลุมเครือ และอย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสิน เพราะ กกต. มีหน้าที่จัดการการเลือกตั้ง ก็ขอให้ปฏิบัติไปตามกฎหมาย และขอให้นายสมชัย ลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหา ซึ่งควรย้ายสถานที่รับสมัครไปในค่ายทหารหรือตำรวจ เพราะตนเชื่อว่า กกต.ในหลายจังหวัดน่าจะรู้เห็นเป็นใจกับม็อบ กปปส. ที่มีทั้งการลาออกและละทิ้งหน้าที่

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวว่า วันนี้ตนเอาตะเกียงมาให้เพราะอยากให้แสงสว่างแก่บ้านเมือง อันเป็นสัญลักษณ์ในการหาทางออกร่วมกันเพื่อให้ประเทศสงบสุข ตนเชื่อว่าการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยจะลดความขัดแย้งได้ ตนจึงไม่อยากให้ทุกฝ่ายขัดขวางการเลือกตั้ง และอยากฝากถึง กปปส. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าอย่าปิดกั้นคนไทย 65 ล้านคนที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งกว่า 48 ล้านเสียง

ด้าน นายพนัส ทัศนียานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่าไม่สามารถขยายวันเลือกตั้งได้ เพราะอาจกระทบกับวันเลือกตั้งล่วงหน้าและวันเลือกตั้งในต่างประเทศ แต่แท้ที่จริงแล้ว มาตรา 7 (1) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. กำหนดชัดเจนว่า ให้กำหนดวันรับสมัครไม่น้อยกว่า 5 วัน แสดงว่า กกต. สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้มากกว่า 5 วัน หากมีผู้มาขัดขวางก็ควรขยายวันรับสมัครเลือกตั้ง แต่ไม่เกินวันเลือกตั้ง นอกจากนี้ มาตรา 36 กำหนดให้ผู้มีอำนาจในการกำหนดสถานที่รับสมัครคือ ผอ.ประจำเขตเลือกตั้ง ที่เป็นข้าราชการประจำ ไม่ใช่ กกต. จังหวัด ดังนั้น กกต. สามารถสั่งให้ ผอ.เขตเลือกตั้ง กำหนดสถานที่ใหม่ได้

นอกจากนี้ การรับสมัครเลือกตั้งอาจทำให้ผู้ไม่เห็นด้วย มาปิดล้อมสถานที่นั้น หาก กกต. ยังให้ม็อบมาปิดล้อม ก็เข้าข่ายจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ มีเจตนาขัดขวางการเลือกตั้งได้ อันเป็นข้อห้ามตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. และมาตรา137 ยังระบุว่า หาก กกต.กลาง และ กกต. ท้องถิ่นจงใจฝ่าฝืนมาตรา 20 อาจจะมีโทษจำคุก 1-10 ปี และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปีอีกด้วย

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม