เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย หรือ TCELS ได้จัดพิธีลงนามสัญญาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) และ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ OKMD เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพน้ำยางพารา ผลิตเป็นชีวเคมีใช้ในเครื่องสำอางประเภทมูลค่าสูง หลังจากประสบความสำเร็จในการนำยางพารามาผลิตครีมหน้าขาวเมื่อ 2-3 ปีก่อน และยังศึกษาพบว่า ยางพารายังมีสาระสำคัญที่มีประโยชน์ด้านความงามอีกมากมาย

โดยงานนี้ ศ.ดร.รพีพรรณ วิทิตสุวรรณกุล หัวหน้าโครงการวิจัยสารสกัดจากยางพารา กล่าวว่า ขณะนี้ OKMD และ มอ. กำลังดำเนินโครงการผลิตเครื่องสำอางจากน้ำยางพารา 2 ชนิด ได้แก่ ครีมเปลี่ยนผิวขาวให้เป็นผิวสีแทน และครีมลดริ้วรอยเหี่ยวย่นให้ดูอ่อนเยาว์ หลังจากค้นพบว่าน้ำยางพารามีสารสกัดที่เรียกว่า เมทิลไทโออดีโนซีน หรือ MTA ซึ่งสามารถนำมาให้ในการปรับสีผิวให้เข้มขึ้น ดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา โดยสารดังกล่าว จะไปเพิ่มการสร้างดีเอชไอซีเอ-เมลานินใต้ผิวหนัง ให้ผิวเปลี่ยนสีเป็นสีแทนจากภายใน และกระตุ้นการสร้างเม็ดสีในระดับเซลล์ให้เม็ดสีออกมาอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วย โดยผู้ใช้จะเห็นผลภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากการใช้ ซึ่งครีมปรับผิวสีแทนนี้ คาดว่าจะเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศแถบตะวันตก เพราะผู้ที่อยากมีผิวสีแทนจะได้ไม่ต้องไปนอนอาบแดด ที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งจากแสงแดดแรง ๆ อีกต่อไป

ส่วนครีมลดริ้วรอยเหี่ยวย่นนั้น ทีมวิจัยพบว่า ในน้ำยางพารามี สารเบต้ากลูแคน ที่ละลายน้ำได้ มีคุณสมบัติในการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้เซลล์ผิว และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว โดยสารนี้จะซึมเข้าสู่เซลล์ผิวชั้นในและลดริ้วรอยเหี่ยวย่นจากภายใน ช่วยชะลอความแก่ และนอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้อีกด้วย คาดว่าครีมชนิดนี้จะได้รับความนิยมมาก ในหมู่ชายหญิงที่อายุมากทั่วโลก

อย่างไรก็ดี ครีมทั้งสองชนิดนี้ อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร และจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2554 ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดนี้ประสบความสำเร็จ ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่ได้นำยางพารามาผลิตเป็นเครื่องสำอาง

นอกจากนี้ นางรพีพรรณ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากสารสกัดจากยางพาราจะมีประโยชน์ทางด้านความงามแล้ว ยังพบว่าในน้ำยางพารายังมีสารคิวบราซิทอล ซึ่งมีโมเลกุลขนาดเล็กที่จะเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยารักษาโรคมะเร็งหลายชนิดได้อีกด้วย โดยขณะนี้ ทางมหาวิทยาลัยก็มีโครงการที่จะสกัดสารนี้ออกมาจำหน่ายให้กับผลิตยาด้วย

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม