"จัสติน บีเบอร์" เตรียมเปิดฉาก "บีลีฟ ทัวร์" เมืองไทยที่แรกในเอเชีย
2013-07-11 09:47:48
Advertisement
คลิก!!!

"จัสติน บีเบอร์" เตรียมเปิดฉาก "บีลีฟ ทัวร์" เมืองไทยที่แรกในเอเชีย
 
ซูเปอร์สตาร์ขวัญใจวัยทีนทั่วโลก "จัสติน บีเบอร์" (Justin Bieber) เตรียมเดินทางมาเปิดการแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก หลังปล่อยให้แฟนคลับชาวไทยเฝ้ารอมานาน กับคอนเสิร์ต "จัสติน บีเบอร์ - บีลีฟ ทัวร์ 2013" ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ย.นี้ ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 3 เมืองทองธานี โดยตามตารางการทัวร์นั้น ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชีย ต่อจากการทัวร์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเปิดจำหน่ายบัตรตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. นี้เป็นต้นไปทางไทยทิคเก็ตเมเจอร์ 
       
       จัสติน บีเบอร์ หนุ่มน้อยผู้มากด้วยพรสวรรค์ทางด้านดนตรี เขาเริ่มฉายแววความเป็นซูเปอร์สตาร์ตั้งแต่อายุแค่ 12 ปี เมื่อได้โพสคลิปที่เขาร้องเพลงคัฟเวอร์ของ อัชเชอร์ (Usher), เนโย (Ne-Yo) และสตีวี่ วันเดอร์ (Stevie Wonder) ลงบนยูทูบ ซึ่งสามารถดึงดูดยอดวิวกว่า 10 ล้านวิวบนยูทูบก่อนจะได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงดัง ไอส์แลนด์ (Island Record) และก้าวเข้ามาสู่การเป็นนักร้องยอดนิยมระดับโลกตั้งแต่อายุ 15 ปี
       
       โดยในเดือนพ.ย. ปี 2009 จัสติน บีเบอร์ มีผลงานเพลงออกมาชิ้นแรกคือ มายเวิลด์ (My World) จากนั้นไม่นานก็มีผลงานชิ้นที่สองออกมา คือ มายเวิลด์ 2.0 (My World 2.0) ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้ม ในปี 2010 เขาได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกโดยใช้ชื่อทัวร์ว่า มายเวิลด์ ทัวร์ ตระเวนแสดงสดไปทั่วอเมริกาและแคนาดา ซึ่งการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ของเขาได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดี
       
       ในปีเดียวกัน เขาได้ปล่อยรีมิกซ์อัลบั้ม มายเวิลด์ อคูสติก (My World Acoustic) ซึ่งได้นำเพลงเก่าจาก มายเวิลด์ และ มายเวิลด์ 2.0 มาทำเป็นเวอร์ชั่นอคูสติก ในปี 2011 เขาได้ปล่อยผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่สองออกมา ชื่อว่า อันเดอร์ เดอะ มิสเซิลโท (Under The Mistletoe) และผลงานสตูดิโออัลบั้มชิ้นล่าสุดของเขา บีลีฟ (Believe) ที่เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ล บอยเฟรนด์ (Boyfriend) โดยจัสติน บีเบอร์ ยอมรับว่า เนื้อหาของเพลงนี้แสดงความเป็นตัวตนของเขามากๆ หลังจากปล่อยผลงานชุดนี้ออกมา จัสติน บีเบอร์ ก็ได้ประกาศการทัวร์คอนเสิร์ตทันที โดยใช้ชื่อทัวร์ว่า บีลีฟ ทัวร์ 2013 ซึ่งแฟนเพลงทุกคนจะได้เห็นความสามารถของเขาที่รอบด้านมากยิ่งขึ้น
       
       สำหรับการทัวร์คอนเสิร์ตในครั้งนี้ แน่นอนว่า จัสติน บีเบอร์ ได้เตรียมเพลงฮิตมามากมายทั้งเก่าและใหม่ อาทิ เบบี้ (Baby), วัน ไทม์ (One Time), เนเวอร์ เซย์ เนเวอร์ (Never Say Never), แอส ลอง แอส ยู เลิฟ มี (As Long As You Love Me), บิวตี้ แอนด์ อะ บีท (Beauty and a Beat), บอยเฟรนด์ (Boy Friend), บีลีฟ (Believe) อีกหลายๆ เพลง พร้อมแดนซ์เซอร์ที่จะขนกันมาแน่นเวที และโปรดักชั่นที่จัดเต็มอลังการ โดยคอนเสิร์ตใหญ่ในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก โมโตโรล่า, บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ 80 ปี บุญรอดบริวเวอรี่
       
       เตรียมพบกับศิลปินวัยทีนที่ฮอตฮิตที่สุดในขณะนี้ “จัสติน บีเบอร์” กับการทัวร์คอนเสิร์ต ที่เหล่าบิลิเบอร์ทั่วโลกรอคอย “จัสติน บีเบอร์ - บีลีฟ ทัวร์ 2013” (Justin Bieber - Believe Tour 2013) ในวันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายนนี้ ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 3 เมืองทองธานี บัตรราคา 2,500 / 4,000 / 5,000 และ 6,500 บาท เปิดขายบัตรอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไปที่ไทยทิเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือทาง www.thaiticketmajor.com สอบถามรายละเอียดและส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ 0-2262-3838 ติดตามข้อมูลข่าวสารและอัพเดทความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/bectero สิทธิพิเศษ!! สำหรับบีลิเบอร์ทั่วโลกในการพรีเซลล์นั้น สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://www.bieberfever.com/
       
       อีกหนึ่งโปรดักชั่นคุณภาพจากบีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
       
       ************************
       
       ประวัติ
       
       นับตั้งแต่บีเบอร์โพสต์คลิปร้องเพลงคัฟเวอร์ของ Usher, Ne-Yo and Stevie Wonder เป็นจำนวนมาก ลงบน YouTube ตั้งแต่ปี 2007 โดยดึงดูดยอดวิวกว่า 10 ล้านวิวบนยูทูบ
       “ผมเริ่มร้องเพลงเมื่อสามปีที่แล้ว” บีเบอร์กล่าว “ผมสมัครเข้าการแข่งขันประกวดร้องเพลงประจำท้องถิ่น Stratford Idol ซึ่งผู้ประกวดแต่ละคนผ่านการเรียนร้องเพลงและมีโค้ชมาด้วยทั้งนั้น แต่ผมไม่ได้จริงจังอะไรมากมาย ผมมักจะร้องอยู่แต่ในบ้าน และผมก็ได้ที่สองด้วยอายุเพียงสิบสองปี”
       
       “ผมอัพโหลดคลิปการประกวดของผมบนยูทูบเพื่อให้เพื่อนและครอบครัวดู แต่กลายเป็นว่าคนอื่นๆ ก็ชอบมัน และเริ่มติดตามผลงานของผม ทำให้ผู้จัดการของผมมาเจอเข้า เขาเห็นผมบนยูทูบและติดต่อมาที่ครอบครัวของผม ซึ่งทำให้ผมได้เซ็นสัญญาในตอนนี้”
       
       เจ็ดเดือนหลังจากโพสต์วีดีโอของเขาบนโลกออนไลน์ อดีตผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ So So Def ได้ให้นักร้องวัย 13 ขวบบินตรงมายัง Atlanta, GA เพื่อมาพบกับผู้ร่วมงานของเขา ราวกับว่าพรสวรรค์ การร้องเพลงของจัสตินนั้นไม่พอที่จะทำให้คนวงในของ สกู๊ตเตอร์ บราอัน พอใจ แต่ สกู๊ตเตอร์ บราอัน รู้ว่าจัสตินเป็นนักดนตรีที่หัดเล่นทุกอย่างเอง ไม่ว่าจะเป็น กลอง กีต้าร์ เปียโน และ ทรัมเป็ต
       
       “เมื่อเรามาถึง Atlanta Scooter ขับรถมาส่งเราที่ลานจอดรถหน้าสตูดิโอซึ่งมี อัชเชอร์ ยืนอยู่” บีเบอร์กำลังทบทวน "ซึ่งมันเป็นครั้งแรกที่ผมได้ออกมาจากแคนนาดา ผมจึงเดินตรงเข้าไปหาเขา และพูดว่า 'เฮ อัชเชอร์ ผมชอบเพลงคุณมาก คุณอยากฟังผมร้องเพลงของคุณสักเพลงไหม' ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาว่า 'ไม่ล่ะ ตัวเล็ก เข้าไปข้างในเถอะ ข้างนอกมันหนาว' ”
       
       อัชเชอร์ ใช้เวลาออนไลน์อยู่เพียงครู่เดียวถึงรับรู้ได้ทันทีว่าเขาอยู่ในบริษัทเดียวกับซูเปอร์สตาร์ในอนาคต บีเบอร์กล่าวต่อว่า “หนึ่งอาทิตย์ต่อมา อัชเชอร์ ให้ผมบินกลับไป Atlanta ผมร้องเพลงให้เขาและทีมงานของเขาฟัง ซึ่งเขาอยากจะให้ผมเซ็นสัญญากับเขาทันที แต่ผมยังมีนัดกับ จัสติน ทิมเบอร์เลก ซึ่งอยากได้ตัวผมเช่นกัน แต่กลายเป็นว่าข้อตกลงของ อัชเชอร์ ดีกว่าเยอะ เขามี L.A. Reid เป็นแบ็คอัพ และ สกู๊ตเตอร์ ที่มีเส้นสายมากมายที่น่าสนใจอยู่ใน Atlanta ทุกวันนี้ผมยังล้อ อัชเชอร์ ทุกครั้งถึงวันที่เขาเจอผมครั้งแรก”
       
       ในเดือนต.ค. 2008 จัสติน บีเบอร์ ได้เซ็นสัญญากับ Island Record อย่างเป็นทางการ อัลบั้มเปิดตัวของเขา My World เป็นมุมมองลงไปในจิตใจของเด็กหนุ่มน้อยผู้รอบรู้ที่กำลังเติบโต ด้วยมหกรรมงานโปรดักชั่นจาก The Dream และTricky Stewart ที่โปรดิวซ์เพลง “Umbrella” ของ รีฮันนา และ เพลงดังล่าสุดของ บียอนเซ เพลง Single Ladies (Put A Ring On It) จัสตินจึงเพรียบพร้อมไปด้วยทุกอย่างที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในวงการเพลงป๊อบ
       
       ซิงเกิ้ลแรกของเขา เพลง One Time ซึ่งถูกโปรดิวซ์โดย Tricky เกี่ยวกับ ความรักครั้งแรก ซึ่งเป็นหัวข้อโปรดของจัสติน เพลง First Dance ที่มี อัชเชอร์ ร่วมร้องด้วยสองท่อนในเพลงที่บีเบอร์นิยามว่าเป็น เพลงท่วงทำนองช้าที่คนสามารถเต้นได้ Midi-Mafia โปรดิวส์เพลง Down to Earth ที่จัสตินลงลึกพูดถึงการเติบโต เพลง Bigger ที่สัมผัสถึงความเป็นผู้ใหญ่ของนักร้องหนุ่ม ในขณะที่เชิญชวนให้ผู้ฟังบากบั่นไปสู่เป้าหมาย
       
       จัสตินเปิดเผยว่า “ผมอยากจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้คนในทางบวก ข้อความของผมคือคุณสามารถทำอะไร ก็ได้เพียงแค่ใส่ใจกับมัน ผมเติบโตมาโดยไม่ได้มีทุกสิ่งอย่างที่ทุกคนมี แต่ผมคิดว่ามันทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น ตอนนี้ผมได้เกรดเฉลี่ย 4.0 ทำให้ผมอยากเข้ามหาลัยและเป็นคนที่ดีกว่าเดิม”
       
       จัสติน บีเบอร์ ถูกวางให้เป็นพลังที่เข้มแข็งในอีกหลายปีของวงการเพลง “ผมคิดว่า คนมีอายุก็สามารถชอบเพลงของผมได้ เพราะผมใส่หัวใจลงไปในการร้องเพลง และมันก็ไม่ล้าสมัย” เขากล่าวไว้ “ผมคิดว่าผมได้โตขึ้นในฐานะศิลปินและแฟนเพลงก็จะโตพร้อมกันไปกับผม” ลองคิดดู เขาเพิ่งได้เริ่มต้นเอง
 
ข้อมูลจาก
 
http://www.manager.co.th
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X