|
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
พรรคร่วมรัฐบาล ออกแถลงการณ์ เสนอควรทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 วอนประชาชนยอมรับผลประชามติด้วย
วันนี้ (14 ธันวาคม) มีรายงานว่า พรรคร่วมรัฐบาล ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อเสนอจัดทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 โดยมีใจความสำคัญ คือ พรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุนให้มีการทำประชามติ เพื่อไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งในสังคมทั้งปวง และทำให้ประเทศมีทางออก อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับ แล้วถือเป็นข้อยุติด้วย ทั้งนี้ ทางรัฐบาลจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องรูปแบบของรัฐ รูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ แต่อย่างใด
สำหรับแถลงการณ์ฉบับเต็ม มีดังนี้
ตามที่รัฐสภาได้ลงมติเห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช.... วาระที่ 1 และวาระที่ 2 เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 77 คน และจากการคัดเลือกของรัฐสภา จำนวน 22 คน เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ยังไม่มีการลงมติในวาระที่ 3 เนื่องจากมีกรณีกลุ่มบุคคลไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญกล่าวหาว่า การกระทำของรัฐสภาขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ซึ่งในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวหา นั้น
ภาย หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัย พรรคร่วมรัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อศึกษากรณีปัญหาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 และเห็นว่า ร่างรัฐธรรมนูญฯ ที่ค้างการพิจารณาอยู่ในวาระที่ 3 นั้น ได้กำหนดให้มีการทำประชามติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อันเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับข้อแนะนำในคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก็ยังอาจมีความไม่เข้าใจ หรือความเห็นว่า ควรจะมีการทำประชามติเสียก่อนจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดข้อโต้แย้งคัดค้านทั้งปวง คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลจึงได้เสนอไว้ในรายงานว่า
ในกรณีที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประสงค์มิให้เกิดข้อโต้แย้งคัดค้านทั้งปวง คณะรัฐมนตรีก็อาจจัดให้มีการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 ได้ แต่ต้องทำความเข้าใจกับสังคมให้ชัดเจนว่า เป็นเรื่องการแก้ปัญหาความขัดแย้งและความปรารถนาดี มิใช่ประเด็นให้มาเรียกร้องความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรี หากประชามติไม่ผ่าน หรือสมาชิกรัฐสภาอาจเสนอให้มีกฎหมายเฉพาะ ให้ออกเสียงประชามติในเรื่องนี้ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 เพิ่มเติมการทำประชามติกรณีมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าไป แต่ก็ต้องทำความเข้าใจกับสังคมเช่นเดียวกัน ทั้งต้องอธิบายให้ชัดเจนด้วยว่า ไม่ใช่การถ่วงเวลา แต่เป็นความรอบคอบ โดยจะเร่งรัดดำเนินการไปพร้อมๆ กับการรณรงค์ทำความเข้าใจ
พรรคร่วมรัฐบาลจึงเห็นชอบร่วมกันว่า
1. แม้ว่าการลงมติในวาระที่ 3 จะเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงขององค์กรรัฐสภาเท่านั้น แต่หากสมาชิกรัฐสภา หรือประชาชน 50,000 คนที่เสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291 ประสงค์จะให้มีการทำประชามติว่าสมควรจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ก็ไม่มีช่องทางจะทำได้ คงมีเพียงคณะรัฐมนตรีเท่านั้นที่สามารถดำเนินการได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 ประกอบกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552
2. เพื่อให้ข้อเสนอแนะของคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งมีความมุ่งหมายให้เกิดข้อยุติ ลดความขัดแย้งในเรื่องดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจึงควรจัดให้มีการออกเสียงประชามติ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ว่าสมควรจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ให้มีความชอบธรรม เป็นประชาธิปไตย และเป็นธรรมขึ้นหรือไม่ โดยการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยจะไม่มีการแก้ไขในเรื่องรูปของรัฐ รูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหมวดที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์
3. รัฐบาลควรสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับทุกพรรคการเมือง สถาบันการศึกษา องค์กรประชาธิปไตย และองค์กรประชาชนในทุกภาคส่วน เพื่อให้มีส่วนร่วมในการรณณรงค์ ชี้แจงต่อประชาชนให้เข้าใจถึงเหตุผลในการจัดทำประชามติและการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญให้มีความชอบธรรม เป็นประชาธิปไตย และเป็นธรรมยิ่งขึ้น
4. การทำประชามติในครั้งนี้ มีความชัดเจนว่า เป็นไปเพื่อป้องกันมิให้เกิดข้อโต้แย้งคัดค้านทั้งปวง และเป็นความปรารถนาดี เพื่อให้สังคมไทยมีทางออกอย่างละมุนละม่อม ไม่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งต่อไป ดังนั้น ไม่ว่าผลของประชามติออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายต้องถือเป็นข้อยุติ และไม่มีกรณีที่จะอ้างประโยชน์ หรือกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งให้ต้องรับผิดชอบในผลแห่งประชามตินั้น
5. ไม่ว่าผลแห่งประชามติจะออกมาในทางใด ทุกฝ่ายต้องยอมรับว่ารัฐสภาทรงไว้ซึ่งอำนาจที่จะแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่สอดคล้องต่อหลักนิติธรรมได้ตลอดไป
ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม