หลังจากนวัตกรรมเพื่อความงามได้ก้าวไกลไปจนสามารถสกัดคอลลาเจลสำหรับเติมความเต่งตึงให้กับผิวพรรณได้ เราจึงได้เห็นผลิตภัณฑ์นานาชนิดที่มีส่วนผสมของคอลลาเจล พร้อมสรรพคุณช่วยเติมเต็มร่องริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นใช้ได้ผลดีเพียงใด หรือการใช้เพื่อให้ได้ซึ่งประสิทธิภาพที่แท้จริงควรทำอย่างไร เราจะมาเฉลยกันให้ได้รู้ แต่ก่อนอื่นไปทำความรู้จักเจ้า คอลลาเจล นี้กันค่ะ

คอลลาเจล คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบในผิว ซึ่งจะพบควบคู่ไปกับ อีลาสติน ที่ทำหน้าที่ร่วมกันทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นดี แต่เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจลก็เริ่มลดจำนวนลง ทำให้ผิวเสียความเต่งตึง และหย่อนยานลงไปตามวัย อย่างไรก็ดีหลาย ๆ คนก็ประสบกับปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น และผิวหนังที่หย่อนยานทั้ง ๆ ที่ยังอายุไม่มาก สาเหตุของมันเกิดจากการที่ผิวถูกทำร้ายโดยแสงแดด รังสียูวี และการสูบบุหรี่ ซึ่งแต่ละปัจจัยล้วนแต่ทำให้คอลลาเจลอ่อนแอลง และขัดขวางการทำงานของเซลล์ ไฟโบรบลาสต์ ซึ่งทำหน้าที่สร้างคอลลาเจล ทำให้เกิดปัญหาตามที่ว่ามานั่นเอง และเมื่อผิวพบปัญหาเสียแล้วก็ต้องแก้ไข รวมทั้งบำรุงรักษาไปด้วยนั่นเองค่ะ

ครีมคอลลาเจลช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือ

ครีมที่มีส่วนผสมจากคอลลาเจลส่วนใหญ่จะสร้างชั้นโปรตีนบาง ๆ ที่ผิว ทำให้ดูตึงขึ้นได้ แต่ก็เป็นผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น การใช้ครีมคอลลาเจลในช่วงแรก ๆ มักทำหน้าที่เป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวมากกว่าที่จะลดริ้วรอย แต่เมื่อใช้บำรุงติดต่อกันราว 4-6 เดือน จึงจะเห็นผลว่าคอลลาเจลซึ่งเป็นส่วนผสมในครีมนั้น ค่อย ๆ ฟื้นฟูริ้วรอยให้ดูเรียบขึ้นได้จริง ๆ

ลองวิธีกระตุ้นการผลิตคอลลาเจลดูบ้างไหม

แม้จะมีครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจลให้เลือกใช้กัน แต่กว่ามันจะซึมซับเข้าสู่ผิว และออกฤทธิ์บำรุงได้เต็มที่ ก็ใช้เวลานานพอดู รวมทั้งอาจไม่เห็นผลที่ชัดเจนในบางราย ส่วนการฉีดคอลลาเจลเข้าไปเสริมโดยตรงก็อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีเสมอไป ลองหันมาพิจารณาวิธีการกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจลของผิวพรรณโดยธรรมชาติดูบ้างน่าจะดีกว่า

วิตามินซี นอกจากจะช่วยให้คอลลาเจลที่ถูกใช้งานอยู่มีความแข็งแรงแล้ว ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจลของชั้นผิวอีกด้วย รวมทั้งธาตุคอปเปอร์หรือทองแดงก็ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตคอลลาเจลได้เช่นกัน ท่านที่ต้องการเสริมกระบวนการผลิตคอลลาเจลตามธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเสียตั้งแต่บัดนี้ ยิ่งเริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดี

ส่วนการกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจลโดยอาศัยวิทยาการด้านความงามต่าง ๆ อย่างการกรอผิวหรือไมโครเดอมาเบรชั่น การลอกผิวหรือเคมิคอลพีล รวมทั้งการทำเลเซอร์ ก็สามารถกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจลได้เช่นกัน โดยให้ความแตกต่างกันด้วยในแต่ะวิธีการ โดยไมโครเดอมาเบรชั่นและเคมิคอลพีล จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจลให้ซ่อมแซมผิวชั้นตื้น ส่วนการทำเลเซอร์จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจลให้ซ่อมแซมผิวชั้นที่ลึกกว่านั่นเอง

เสริมความแข็งแรงให้กับคอลลาเจลในชั้นผิว

คอลลาเจลเสริมที่เรียกว่า ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจล ซึ่งรับประทานเป็นอาหารเสริมในรูปเม็ดยาหรือแคปซูล จะสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ผิวชั้นลึกของร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่นดี อุ้มน้ำ และผิวดูเต่งตึงขึ้น ทั้งยังช่วยให้เล็บที่เปราะบางแข็งแรงขึ้น เกล็ดผมสุขภาพดีขึ้น ทำให้ผมหนาและแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือวันละ 10 กรัม ขณะท้องว่าง โดยเริ่มกินได้ตั้งแต่ย่างเข้าวัยผู้ใหญ่ สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 23 ปี ในรายที่มีปัญหาผิวแห้ง หรือถ้าผิวมันก็เขยิบออกไปเป็น 27 ปี ส่วนระยะที่เหมาะสมกับคุณจะเป็นช่วงไหน ขอให้ปรึกษากับแพทย์ผิวหนังดูนะคะ


คอลลาเจล เป็นคำตอบของการจัดการกับปัญหาผิวที่มีริ้วรอยต่าง ๆ ที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง แต่วิธีการเสริมสร้างหรือใช้คอลลาเจลเหล่านั้นก็ต่าง ๆ กันไปทั้งในด้านกระบวนการและประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อผิวพรรณที่จะอ่อนเยาว์คู่กับคุณไปอีกนาน ลองพิจารณาปัญหาและทางเลือกในการบำรุงรักษาผิวด้วยคอลลาเจลที่เหมาะสมกับคุณดูนะคะ

ข้อมูลจาก

www.kapook.com