รายงานข่าวล่าสุดจากรอยเตอร์บอกว่าขณะนี้ ศัลยแพทย์ในราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ ประเทศอังกฤษ ได้พัฒนาเทคนิคการผ่าตัดอย่างประณีตซับซ้อน (Microsurgery) ที่สามารถใช้ในการผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ใช้อย่างเป็นทางการเนื่องจากกำลังศึกษาถึงผลผลกระทบทางจิตวิทยาที่อาจเกิดกับคนไข้และครอบครัว ผู้บริจาคใบหน้า ตลอดจนประเด็นด้านจริยธรรม รวมทั้งผลข้างเคียงในระยะยาว จากการที่ผู้ป่วยต้องใช้ยา
   
          กดภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันการที่ร่างกายไม่ยอมรับใบหน้าใหม่ ซึ่งอาจก่อความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิดได้

          ศาสตราจารย์ เซอร์ปีเตอร์ มอร์ริส ประธานสถาบันดังกล่าวยืนยันว่า ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในเรื่องนี้จะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยจำนวนมากที่เสียโฉมจากอุบัติเหตุหรือโรคร้ายต่างๆ และการผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้าจะทำได้ง่ายกว่าการต่อนิ้วมาก เนื่องจากเส้นเลือดบนใบหน้า ใหญ่กว่าเส้นเลือดที่นิ้วมือ ทำให้สามารถใช้เทคนิคที่ประณีตซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัดอย่างอื่น โดยใบหน้าของผู้ที่ได้รับการผ่าตัดแล้วไม่จำเป็น ต้องเหมือนกับใบหน้าของผู้บริจาค เพราะเป็นเพียงการลอกเอาผิวหนังและเนื้อเยื่อจากใบหน้าของคนหนึ่งมาใส่ให้อีกคนหนึ่ง

          ขณะที่รูปหน้าเดิม ของแต่ละคนย่อมมีความแตกต่างกันโดยธรรมชาติ ท่ามกลางการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ การวิจัยดังกล่าวยังได้รับเสียงสนับสนุนจากองค์กรการกุศล Changing Faces ซึ่งให้ความช่วยเหลือผู้เสียโฉมจากอุบัติเหตุและโรคต่าง ๆ จึงเชื่อว่าผลกระทบของปัญหาทั้งหมดจะคลี่คลาย และการผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้าครั้งแรกของโลกจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

          นับเป็นอีกหนึ่งในข่าวที่น่ายินดีสำหรับผู้ทุกข์ทรมานจากการเสียโฉมที่จะได้มีชีวิตใหม่ แต่อาจจะเป็นอีกข่าวที่น่าตื่นตระหนก ถ้าจะพบว่า ในอีก 3 ปี 5 ปี ข้างหน้า คนดังในสังคมของเราอาจมีหน้าตาเหมือนหนุ่มหล่อ สาวสวยที่เพิ่งเสียชีวิตไปหมาด ๆ …ความเจริญทางเทคโนโลยีนี่นับวันยิ่งน่าขนลุกจริง ๆ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสาร Twenty-Four Seven