ผิวเรียบตึง ด้วยการดึงหน้า หน้าผาก ดึงคอ
2012-10-26 11:13:03
Advertisement
คลิก!!!



 



         ผิวหนังของคนเรามีการเปลี่ยนแปลงเสื่อมสภาพไม่ตามวัย นี่เป็นกฎธรรมชาติที่มิอาจเลี่ยงพ้น ถึงกระนั้นคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงานก็คงทำใจยอมรับได้ยาก โดยเฉพาะปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดบริเวณใบหน้าและลำคอ

         อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วย การผ่าตัดดึงหน้า วิธีนี้เป็นวิธีการแก้ไขใบหน้าที่หย่อนยานให้เต่งตึงขึ้นอย่างเห็นผลทันตา ส่วนว่าจะตึงขึ้นมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสภาพของผิวหนังและโครงสร้างของกล้ามเนื้อแต่ละบุคคลครับ

         การดึงหน้า เป็นการผ่าตัดที่ทำกันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว วิธีการผ่าตัดก็มีการพัฒนาและปรับปรุงในด้านเทคนิคและความปลอดภัยมาโดยตลอด ปัจจุบันนับได้ว่าเป็นการผ่าตัดที่ได้ผลดีมาก และมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง

         การผ่าตัดดึงหน้าเป็นการผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง มักนิยมผ่าตัดโดยใช้การดมยาสลบมากกว่าการฉีดยาชาเฉพาะที่ ดังนั้น ขั้นตอนในการเตรียมคนไข้ให้พร้อมก่อนการผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยแก่คนไข้จึงมีความสำคัญมาก โดยทั่วไป แพทย์จะต้องตรวจดูความแข็งแรงของร่างกายเป็นพื้นฐานก่อนการผ่าตัด เรียกว่าคนไข้จะต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงพอสมควร จึงจะทำการผ่าตัดได้ สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว บางอย่างที่มีผลต่อการดมยาสลบ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเสมอ ส่วนบางท่านที่ทานยาบางชนิดอยู่เป็นประจำ เช่น ยากลุ่มแอสไพริน ยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนบางชนิดเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะเพื่อรักษาภาวะหมดประจำเดือน หรือเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ฯลฯ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการผ่าตัด และการสมานของแผลทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือในรายที่สูบบุหรี่จัด ก็ขอให้หยุดสูบทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด จนกว่าแผลจะหายสนิทแล้ว เหล่านี้เป็นตัวอย่างของการเตรียมคนไข้ก่อนผ่าตัด

         ทีนี้มาถึงขั้นตอนการผ่าตัด เริ่มจากแพทย์จะเปิดแผลบริเวณเหนือหูขึ้นไปถึงบริเวณขมับ โดยผ่านผิวหนังหลังแนวผมเข้าไปตามขอบใบหูด้านหน้า และอาจจะเว้าขึ้นไปที่ติ่งหน้ารูหูเล็กน้อย แล้วต่อลงมาที่ติ่งหูด้านล่าง โค้งอ้อมติ่งหูไปทางด้านหลังหูตรงบริเวณซอกหลังใบหูขึ้นไป จากนั้นจึงลากผ่านเข้าไปในผมอีกทีเพื่อซ่อนแผลไว้ในแนวเส้นผมด้วยวิธีดังกล่าวแผลที่โผล่มาให้เห็นจะอยู่ตรงบริเวณขอบหูด้านหน้าเท่านั้น ซึ่งเมื่อแผลหายสนิทแล้วก็มักจะมองไม่ค่อยเห็นชัด ส่วนบริเวณอื่น ๆ จะถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีตามแนวเส้นผม

         จากนั้นแพทย์จะเปิดผิวหนังส่วนบนของใบหน้า หรือส่วนที่หย่อนยานขึ้น เมื่อเปิดได้กว้างเพียงพอแล้วก็จะเปิดยกผืนพังผืด และกล้ามเนื้อขึ้นอีกชั้นหนึ่ง เพื่อจะได้ตึงเป็น 2 ชั้น (คือชั้นตื้นและชั้นลึก) โดยแพทย์จะเริ่มจัดการกับกล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่มีผลต่อริ้วรอยของใบหน้า เช่น กล้ามเนื้อหางตา กล้ามเนื้อหน้าผาก หว่างคิ้ว กระทั่งกล้ามเนื้อที่คอด้านข้างแพทย์ก็จะจัดการเย็บขึงให้ตึงขึ้น แล้วเย็บติดกับส่วนที่แข็งแรง เพื่อตรึงเอาไว้เป็นแห่ง ๆ เมื่อเรียบร้อยแล้วแพทย์จึงจะดึงหนังส่วนบนให้ตึง และตัดหนังส่วนเกินที่หย่อนออกไป แล้วเย็บผิวหนังปิดเข้ากับที่ใหม่ด้วยไหมเล็ก ๆ ให้แข็งแรงเป็นชั้น ๆ อีกที ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ปัจจุบันมีการนำไหมเหล็กเหมือนลวดเย็บกระดาษมาใช้เย็บแผลในบางส่วน เช่น แผลที่ซ่อนอยู่ในผม ซึ่งช่วยทุ่นเวลาการผ่าตัดลงได้มากทีเดียว ดังนั้นไม่ต้องตกใจหากตื่นขึ้นมาพบลวดเย็บแผลชนิดนี้เข้า

         อีกอย่างหนึ่งหลังผ่าตัดแพทย์อาจจะใส่ท่อเล็กๆ สำหรับช่วยดูดเลือดที่บริเวณแผลผ่าตัด เพื่อป้องกันเลือดที่อาจจะค้าวคาหลังจากเย็บแผลเรียบร้อยแล้ว อันนี้ก็ไม่ต้องตกใจเช่นกันนะครับ ท่อนี้แพทย์จะเอาออกให้ในเวลาไม่นานนัก อาจจะคาเอาไว้แค่วันสองวันเท่านั้น

         หลังการผ่าตัดโดยทั่วไปก็มักจะไม่มีอาการผิดปกติอะไร อาจมีปวดแผลผ่าตัดบ้างแต่ก็สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยยาแก้ปวด หรือการประคบเย็บที่ใบหน้า การประคบเย็นยังช่วยป้องกันอาการบวมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดได้อีกด้วย (หากไม่มีปัญหาใดๆ อาการบวม หรือฟกช้ำก็มักจะหายสนิทในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ และรูปโฉมใหม่จะเริ่มเข้าที่ให้เห็นประมาณ 1 เดือนไปแล้ว) ส่วนไหมที่เย็บไว้รวมทั้งไหมเหล็กนั้นแพทย์มักจะถอดออกหลังผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน
 
         โดยปกติภายหลังการดึงหน้า ความตึงของผิวหน้ามักจะอยู่ได้นานหลายปีเดียว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้ด้วย ถ้าอยากชะลอความแก่ตามธรรมชาติที่จะมาเยือนอีกรอบให้นานออกไปควรหลีกเลี่ยงปัจจัยบางอย่าง เช่น การสูบบุหรี่ การอยู่ท่ามกลางมลภาวะต่าง ๆ การตรากตรำกรำแดดเป็นประจำ โดยไม่มีอะไรปกป้อง การถูนวดหน้ารุนแรงหรือผิวหนังขาดการบำรุง เป็นต้น นอกจากนั้นควรบำรุงสุขภาพโดยรวมด้วย เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ และคลายเครียดด้วยกิจกรรมต่าง ๆ 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก :  นิตยสารสวยด้วยแพทย์

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X