"กลางวันเป็นผู้หญิงที่แสนจะอบอุ่น ผู้หญิงที่มีบุคลิกหรูหรา รู้จักการจิบกาแฟ แต่ตกกลางคืนหัวใจเธอก็เริ่มร้อนแรง ผมชอบผู้หญิงที่มีการพลิกโฉมแบบนี้... เธอมันช่างงดงาม น่าหลงไหล เธอนั่นแหละ hey ใช่ เธอนั่นแหละ hey hey เรามาวิ่งไปให้ถึงที่สุดกัน พี่เป็นคังนัมสไตล์!!"

ข้างต้นเป็นส่วนของการแปลเพลง "คังนัมสไตล์" (Gangnam Style) จากภาษาเกาหลีเป็นภาษาไทย ของ "จอง เชยอง" นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะสังคมวิทยาและมนุษยวิยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สำหรับ "จอง เชยอง" เป็นคนเกาหลีโดยกำเนิด ก่อนจะย้ายมาอยู่ประเทศไทยตามครอบครัว เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา และเลือกที่จะเรียนสังคมวิทยา เพราะความชอบส่วนตัว

พร้อมๆ กับการหยิบยกกระแสการเลียนแบบของเพลง "คังนัมสไตล์" มาถกกันในเวทีเล็กๆ ในหัวข้อที่มีชื่อว่า "จากคัมนังสไตล์สู่กำนันสไตล์" ซึ่งบ้านเราถือเป็นอีกชาติหนึ่งที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก กับการเต้นล้อเลียน

แม้กระทั่งมาเลย์เซีย รวมถึงชาติอื่นๆ ในเอเชีย ก็อดไม่ได้ที่จะล้อเลียนฮิพฮอพเกาหลีใต้ "ปาร์ก แจ ซาง"

คำถามก็คือว่า การเต้นล้อเลียน หรือที่เห็นเต้นๆ กันอยู่ในบ้านเรา ส่วนใหญ่ไม่รู้ความหมายของเพลงใช่หรือไม่? หรือการเต้นล้อเลียนเป็นเพียงจังหวะของเพลง และสนุกกับท่าเต้น ควบม้า ฉบับ โอ๊ปป้า ตามต้นฉบับของพลงคังนัมสไตล์เท่านั้น

"จอง เชยอง" บอกกับ "มติชนออนไลน์" ว่า เพลงที่ออกมาซาง ยอมรับว่าเป็นการเสียดสีสังคมว่าทำไมสังคมเกาหลีถึงให้เกียรติกับคนที่อยู่ในย่านคังนัม หรือ ซีรีย์ต่างๆ ของเกาหลี ชอบพูดถึงย่านคังนัมว่าจะต้องมีแฟนเป็นคนคังนัม เพื่อยกระดับของตัวเอง ขณะเดียวกันซาง ก็บอกว่า เขาเป็นคนคังนัมที่ไม่ได้ดูหล่อหรือไฮโซ แต่เขาก็ยืนยันตัวเองว่าเป็นคนคังนัม

"จอง เชยอง" บอกอีกว่า ตัวของซาง ไม่ได้ดัง แต่เพลงของเขาดัง ก็เลยทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจตามมา และคนเกาหลีที่ชอบซาง อยู่แล้ว ก็จะชอบมาก เพราะซาง เป็นนักร้องอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละเพลงของซาง เสียดสีสังคม ตั้งแต่อัลบั้มแรกเมื่อปี 2001 ก่อนอัลบัมของเขาจะถูกแบน พร้อมกับโดนข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด (กัญชา) ก่อนจะออกอัลบั้มใหม่มาเรื่อยๆ หลังถูกกล่าวว่าว่าโกงการเกณฑ์ทหาร ทำให้ซางต้องเกณฑ์ทหารถึง 2 รอบ

คำว่า "คังนัม" เป็นชื่อจังหวัดหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากโซล เมื่อ 50 ปีก่อน หรือปี 1960 จากที่เป็นทุ่งหญ้า กลายเป็นใจกลางของเมืองใหญ่ มีห้างสรรพสินค้า สถานที่บันเทิงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พัฒนาเร็วที่สุด และรวยที่สุด นอกจากนี้ คำว่า "คังนัม" ก็มาจากชื่อของแม่น้ำ "ฮันคัง"

"จอง เชยอง" ยังเปรียบความดังของเพลง "คังนัมสไตล์" เหมือนช่วงที่ฮิตทำแพลงกิ้ง ทั้งๆ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าแพลงกิ้งมาจากไหน ทำไปเพื่ออะไร จนกระทั่งกลายเป็นพับเพียบในบ้านเรา เช่นเดียวกับ จากคัมนังสไตล์ในเกาหลีมาเป็น "กำนันสิตาย"

การมาพูดคุยกันในวงเสวนา จึงอยากสะท้อนให้เห็นว่าเพลง "คังนัมสไตล์" มีความหมายว่าอย่างไร สะท้อนสังคมในแง่ไหนบ้าง นอกเหนือจากความบันเทิง หากเทียบกับประเทศไทยในแง่เสียดสีสังคัมก็ประมาณเพลง "ดาวมหาลัย" ของสาวมาด เมกะแดนซ์ ซึ่งดาวมหาลัยที่ว่านี้ เป็นคนบ้างนอกที่เข้ามาในกรุงและนิยามตัวเองว่าเป็นดาวมหาลัย

ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ "มติชนออนไลน์" ว่า "คังนัมสไตล์" ถือเป็นปรากกฎการณ์ทางสังคมที่อยู่ในความสนใจเป็นอย่างมาก เคยศึกษาด้านดนตรีมาบ้าง เลยอยากมองในแง่สังคมวิทยามานุษยวิทยา

คนอาจมองว่า "คังนัมสไตล์" เป็นเพลงไร้สาระ ดูไม่มีประโยชน์ แต่คนเกาหลีที่เขาสนใจเพราะเป็นเพลงเสียดสีชนชั้นนำของคนเกาหลีเอง คนร้องเพลงเองก็เป็นคนที่มีประวัติไม่ประสบความสำเร็จและสามารถกอบกู้ตัวเองขึ้นมาได้ ที่สำคัญศิลปินที่ร้องก็ไม่ได้เป็นคนหล่อเหลา แต่สามารถดังขึ้นมาได้เพราะความหรูหรา ฟุ้งเฟ้อ ของย่านคังนัม ซึ่งแต่ละฉากก็แสดงความความขี้เหร่ ไร้รสนิยม

ถามว่าทำไมเพลงนี้ถึงดัง เพราะคนไทยหรือชาติอื่นๆ ทั้วโลก โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็รับเอาสุนทรียของความขี้เหร่ ขณะเดียวกันการเมืองของความไร้รสนิยม และเอามามาวิพากษ์วิจารณ์ ตอบโต้ทุนนิยมหรือสังคมไฮโซ

จากการชมคลิปกว่า 20 คลิป เป็นการล้อเล่นตัวต้นฉบับ ที่เป็นการเลียนแบบถอดแบบการล้อเลียนในวิธีคงความขี้เหร่และไร้รสนิยมไว้ วิพากษ์สังคมตัวเอง ในทางศิลปะ เช่น ศิลปะของฝรั่งเศส เคยนำโถส้วมมาใช้เป็นงานศิลปะ หรือในไทยสาวมาด เมกะแดนซ์ ที่ร้องเพลงดาวมหาลัย เป็นต้นเป็นการบล้อเลียนสังคมสมัยใหม่ ที่มีแต่ความฟุ้งเฟ้อ อยากจะมีคนก้าวสู่สังคมสมัยใหม่มาเป็นดาวมหาลัย เป็นการเตือนตัวเองว่าอยู่ตรงไหนอยู่อย่างไร

ส่วนในบ้านเราที่เรียกว่า "กำนันสไตล์" คงเปรียบเทียบลักษณะโครงสร้าง คือเป็นการพ้องเสียง อย่างในมาเลย์เซีย ที่มีอย่างน้อย 4-5 คลิป โดยใช้ชื่อว่า KL stlye (กัวลาลัมเปอร์) ที่หนักไปกว่านั้นก็คือ คอนดอมสไตล์ แรงมาก เพราะเป็นรัฐศาสนาที่เคร่งมากกับเรื่องเซกส์

หากมองว่าบ้านเราจะเกิดเพลงแนวเสียดสีสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ คงไม่ แต่อยู่ที่จังหวะ เพราะเกาหลีเองมีเพลงใหม่ที่ดังแซงเพลงคังนัมสไตล์แล้ว ก็เป็นคนละเรื่อง เป็นแบบเกิร์ลแบรนด์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเดินตามกระแส 

cr.http://www.matichon.co.th