เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Jjetrin 

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตบนโลกออนไลน์ เมื่อสื่อบันเทิงฉบับหนึ่ง นำคำพูดของ เจ เจตริน บนเวทีคอนเสิร์ต เจ ออน เดอะมูน ไปตีพิมพ์ ซึ่งมีเนื้อหาว่า พลอยมางานนี้ ไม่ได้ค่าตัวแต่อย่างใด ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องมาตรวจสอบเรื่องค่าตัวของพลอย และออแกไนเซอร์เจ้านั้น ก็ไม่ต้องจ้างตนเอง เพราะถึงจ้างก็ไม่ไป กลัวไปหมดแล้ว สอดรับกับข้อความของพลอย ที่พูดเอาไว้ว่า "พลอยทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายหมดค่ะ" จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสองคนไปต่าง ๆ นานา และบอกว่า เจให้ท้ายพลอยในเรื่องการไม่เสียภาษีอย่างถูกต้องนั้น

         ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา เจ เจตริน ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเพียงการเล่นมุกบนเวทีเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาสร้างความแตกแยกหรือเข้าใจผิดแต่อย่างใด การที่พูดบนเวที กับการเขียนเป็นตัวหนังสือนั้นค่อนข้างแตกต่างกัน การเอาคำพูดมาลงโดยไม่มีเสียง บรรยากาศ หรือส่วนอื่นมาประกอบ เท่ากับเป็นการมัดมือชกตนเอง 

         ทั้งนี้ ข้อความใน เฟซบุ๊ก jjetrin ระบุไว้ว่า

         "เจตรินขอพูดเป็นตัวหนังสือบ้าง กรณีสื่อบันเทิงฉบับหนึ่ง ได้ตัดเอาคำพูดบางประโยคของผมบนเวทีคอนเสิร์ต J on the moon ไปลงปก โดยตั้งใจมีเจตนาเพื่อให้คนอ่านเกิดทัศนคติไม่ดีต่อตัวผม ผมจะอธิบายให้ฟังง่าย ๆ ว่า การนำคำพูดลงมาเขียนเป็น ตัวหนังสือ โดยไม่เขียนบรรยากาศ ที่มาที่ไปขององค์รวม นํ้าเสียง สีหน้า ท่าทางนั้น บริบทมันก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง เท่ากับการมัดมือชกข้างเดียว (หากผมเป็นคนอื่นแล้วมาอ่านแบบนั้น ก็คงมีคําถามคาใจเช่นกัน)  ยกตัวอย่าง ถ้าเราไปนั่งดูตลกคาเฟ่ หรือ เดี่ยวไมโครโฟน ที่มีการอําและมีการเล่นมุกแรง ๆ แล้วไปตัดเอาบางประโยคมาเป็น ตัวหนังสือ ในคำพูดเดียวกัน ถ้านั่งฟังหน้าเวที กับไม่มีเวทีแต่นั่งอ่านจากตัวหนังสือที่ไม่ได้อธิบายองค์รวม อารมณ์ น้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง ปราศจากสิ่งเหล่านี้ มันก็จะทำให้ผู้รับสาร ต่างความรู้สึกโดยสิ้นเชิง เหมือนกับคนอ่านหนังสือนิยายเรื่องเดียวกัน แต่จินตนาการอาจจะต่างกันไปคนละอย่าง

         J on the moon exclusive party by RPM เวทีต่อหน้าคนดูหลายพันในวันนั้น นอกจากแขกรับเชิญหลัก ๆ แล้ว ยังมีเซเลบขึ้นมาเซอร์ไพรส์แบบมิได้นัดหมาย 4-5 คน แต่ละคนก็มีจุดเด่นในการเล่นมุกอํากันสด ๆ น้ำฝน,เชียร์,นก,ธัญญ่า,พลอย ทุกคนจะมีมุกเด่นของตนเองที่จะอำกันบนเวที เช่น ธัญญ่าพูดอำสามีของเธอ (อำเล่น ๆ เธอเองก็หัวเราะและมีร้อยยิ้มบนใบหน้าของเธอ) ในเรื่องที่เราคงทราบดี (คนดูก็หัวเราะกับมุกนี้) แต่คำพูดของเธอโดนไปตีพิมพ์เป็นตัวหนังสือในสื่อ โดยไม่ได้อธิบายที่มาที่ไป คนมาอ่านก็รับความรู้สึกที่ต่างกันไปเช่นกัน

         มาถึงคิวของพลอย เธอออกตัวอำตนเอง (เรื่องที่เพิ่งเป็นข่าวดังไป) คนดูในงานก็หัวเราะสนุกสนานที่เธอใช้มุกนี้ ผมเองเป็นเจ้าของเวทีในวันนั้น ผมต้องตบมุขให้เธอ และอำตัวเองด้วยน้ำเสียงไม่ได้ก้าวร้าว แต่เหมือนกับว่าเอาตนเองมาเป็นมุก หาใช่มีเจตนา ยั่วยุ ท้าทายแต่อย่างใด และผมไม่ได้เข้าข้าง ให้ท้าย ถือหางใคร มุกคือมุก อำคืออำ และก็ไม่มีการโยงประเด็นในเรื่องของการเลี่ยงภาษีอะไรแต่อย่างใด เพราะกระผมนั้นเป็นหนึ่งในดารา นักร้อง นักแสดง ที่มีประวัติที่ดีในเรื่องนี้ตลอดมา

         ในบรรยากาศของคนดูหลายพันในวันนั้น ก็หัวเราะและสนุกสนาน ซึ่งหากคนที่อยู่ในงานก็คงเข้าใจองค์รวมและบรรยากาศแน่นอน 100% ทั้งนํ้าเสียง สีหน้า ท่าทาง ของผมที่เป็นตัวรับมุกนี้ (ตึ่งโป๊ะ) ในวันนั้น ทางผู้จัดงาน ได้ส่งบัตรให้พี่ ๆน้อง ๆ นักข่าวบางส่วนเพื่อมาสังสรรค์ และเป็นการขอบคุณที่ร่วมกันโปรโมทงานนี้ ผมจึงเข้าใจถึงหน้าที่ของนักข่าวฉบับนั้นว่า เขากำลังทำงาน สร้างข่าว ขายข่าว เพราะเป็นงาน เป็นหน้าที่ของเขา แต่เพียงอยากให้รับทราบไว้บ้างว่า การแสดงบนเวทีนั้น ก็เป็นงาน เป็นหน้าที่ของผมเช่นกัน การแสดง โชว์ มุก อำ ตลก อะไรก็ได้ เพื่อให้คนดูสนุกสนานและให้มันจบในบรรยากาศในงานนั้น นั่นคืองานของผมตลอดที่ผ่านมา 20 ปีเช่นกัน แต่หากการที่จะมาตัดเอาบางประโยคไปตีพิมพ์ลง ให้เกิดทัศนคติที่ผิดโดยต่างบริบทไปแบบนี้ มันก็สามารถทำได้โดยไม่ยากหรอกครับ คงอธิบายแค่นี้แหละครับ เข้าใจไม่ยากเลย แฟน ๆ และพี่ ๆ น้อง ๆ นักข่าวอีกมากมายที่เขาร่วมอยู่ในงาน พวกเขาเข้าใจผมดีครับ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำหน้าที่การงานของตนเองโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และเดินหน้าทำประโยชน์ให้สังคมและบ้านเมืองกันต่อไปดีกว่าครับ ไม่โกรธครับไม่โกรธ"


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก