ปีที่ 7 หลังจากเดบิวต์ถือเป็นช่วงเวลาที่ไอดอลส่วนใหญ่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ เพราะนี่คือเวลาที่สัญญาระหว่างพวกเขาและบริษัทต้นสังกัดเดิมได้หมดลง พวกเขาต้องเลือกระหว่างการต่อสัญญา หรือ ย้ายไปร่วมงานกับบริษัทอื่น อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีเทรนด์ใหม่ของทางเลือกเพิ่มขึ้น คือการเปิดบริษัทของตัวเอง 

ยกตัวอย่างสมาชิกวง BLACKPINK ที่สิ้นสุดสัญญากับ YG Entertainment ไปเมื่อปีที่แล้ว สมาชิกทั้งหมดเลือกจะต่อสัญญาวงกับ YG เป็นระยะสั้นเพื่อทำกิจกรรมวงเท่านั้น ส่วนกิจกรรมเดี่ยวพวกเธอเลือกที่จะไม่ต่อสัญญา และมีสมาชิกบางคนที่ประกาศค่ายใหม่ของตัวเอง

เจนนี่ (Jennie) ได้ก่อตั้งค่าย ODD ATELIER ในเดือนพฤศจิกายน และแชร์ข่าวนี้ในโซเชียลมีเดียเมื่อเดือนตุลาคม 

เมื่อวันที่ 5 มกราคม ในรายการ 'The Seasons - Lee Hyori's Red Carpet' เจนนี่ได้อธิบายถึงเหตุผลที่เธอเปิดบริษัทของตัวเองว่า

“ฉันอยากจะลองกิจกรรมเดี่ยวด้วยความรู้สึกอิสระมากขึ้น ทำให้ฉันตัดสินใจเปิดบริษัทของตัวเองค่ะ”

นอกจากนี้ จีซู (Jisoo) สมาชิกของค่ายอีกคนก็ได้ร่วมเปิดบริษัทกับพี่ชายของเธอเช่นกัน 

เมื่อเดือนที่แล้ว พี่ชายของจีซู ได้เข้าสู่วงการบันเทิงไปอีกขึ้น ด้วยการประกาศหางานสำหรับแบรนด์อาหารเด็กที่เขาทำงานอยู่ โดยในประกาศมีภาพของจีซู ทำให้มีการคาดเดาว่าพวกเขาน่าจะใช้ชื่อบริษัทภายใต้ชื่อ Blissoo ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่เป็นการร่วมงานกันกับศิลปินเพื่อขยายเส้นทางอาชีพของศิลปิน และเข้าถึงกลุ่มแฟนคลับได้มากขึ้น

ไม่ใช่แค่เพียงสมาชิกวง BLACKPINK ที่เลือกเปิดบริษัทเอง แต่ก่อนหน้านี้ก็มีไอดอลหลายคนที่เลือกจะก่อตั้งค่ายของตัวเอง เพื่อจะได้รับอิสระและมีโอกาสได้ถ่ายทอดสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ 

ยกตัวอย่างเช่น คิโน (Kino) วง Pentagon ที่ออกจาก Cube Entertainment  และประกาศว่าจะก่อตั้งค่ายชื่อว่า NAKED ในวันที่ 15 ธันวาคม

NAKED คือเครื่องหมายเข้าถึงสาธารณะชนด้วยการไม่ปรุงแต่งและมีแต่ความจริงใจ คิโนบอกว่าเขารู้สึกตื่นเต้นสำหรับอนาคตภายใต้บริษัท NAKED ที่จะทำให้เขาได้ทำกิจกรรมเดี่ยวที่หลากหลาย

ร็อคกี้ (Rocky) อดีตสมาชิกวง ASTRO ได้ก่อตั้งบริษัทของเขาเองเช่นกัน เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2023 โดยใช้ชื่อว่า One Fine Day Entertainment และระหว่างเดบิวต์โซโล่ของเขาในเดือนพฤศจิกายน เขาได้อธิบายว่า

“ผมอยากจะทำกิจกรรมในวงการเพลงต่อ และเพราะว่าหัวใจผมอยากทำแบบนั้น ผมเลยก่อตั้งบริษัทเพื่อเชื่อมต่อกับแฟนคลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
 

ร็อคกี้ยังได้พูดถึงแรงบันดาลใจในฐานะโปรดิวเซอร์ของเขาว่า

“ด้วยประสบการณ์การเป็นทั้งเด็กฝึกหัดและศิลปินของผม เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง ผมมีเป้าหมายว่าจะคัดเลือกศิลปินคนอื่นและสร้างทีมขึ้นมา สร้างทีมขึ้นที่ One Fine Day Entertainment เพื่อทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือแดนเซอร์ โดยไม่มีข้อจำกัด”

สำหรับในช่วงเริ่มต้น หลายคนคงคิดแบบเดียวกันว่า การได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่ ถือเป็นโอกาสในการเติบโตในวงการเพลงเกาหลี อย่างไรก็ตามเมื่อศิลปินทำงานจนครบ 7 ปีตามสัญญา ทำไมตอนนี้ถึงมีศิลปินหลายคนเลือกออกมาเปิดค่ายเพลงของตัวเอง

อิสระมักจะเป็นคำตอบของศิลปินที่ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทของตัวเอง เพื่อที่พวกเขาจะได้นำเสนอผลงานเพลงและมีอิสระในการเลือกทำกิจกรรมอย่างที่พวกเขาต้องการ

การอยู่ในบริษัทอื่นๆ มักมีกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามและบางครั้งก็เป็นการควบคุมศิลปินมากเกินไปทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว นอกจากนี้หลังจากได้มีการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินของบริษัท one-person agency ก็ดูเหมือนว่าโครงสร้างบริษัทแบบนี้มีสัดส่วนการปันผลกำไรที่น่าสนใจกว่า
 

อย่างไรก็ตามการเปิดบริษัทจัดการตัวเองก็ยังมีความท้าทายเช่นกัน เพราะแน่นอนว่าหากเทียบกับบริษัทใหญ่ พวกเขาขาดทั้งทรัพยากรและสเกลการทำงานที่ไม่ได้ใหญ่เทียบเท่า ซึ่งอาจทำให้ส่งผลกระทบกับการจัดการศิลปิน และบางครั้งการที่เป็นบริษัทของศิลปินที่ชื่นชอบ ทำให้หากมีข้อผิดพลาด แฟนคลับอาจจะไม่กล้าต่อว่าโดยตรง และทำให้ปัญหานั้นไม่ได้รับการแก้ไข จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้
 

ผู้อยู่ในวงการเพลงเคป็อปกล่าวว่า

“ระบบการจัดการอาจแตกต่างเนื่องจากการขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญในบริษัทจัดการตัวเองหากเทียบกับบริษัทใหญ่ ความอ่อนแอในการจัดการปัญหาอาจจะทำให้เกิดข้อเสียเปรียบได้” 

และนอกจากนี้การที่แฟนคลับไม่กล้าวิจารณ์บริษัทของไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบโดยตรง เพราะรู้สึกเหมือนฉีกหน้าไอดอลที่ตัวเองชอบ สุดท้ายเมื่อเกิดปัญหาจนรู้สึกเกินจะรับได้แล้ว อาจทำให้แฟนคลับบางคนตัดสินใจออกจากแฟนด้อมไปในที่สุด

 

ที่มา  naver