โลมอน (Lomon) พูดถึงเลิฟไลน์ของเขากับ โชอีฮยอน (Cho Yi Hyun) ในเรื่อง All Of Us Are Dead และซีซั่น 2 ของซีรีส์
2022-02-15 09:42:19
Advertisement
คลิก!!!

เมื่อไม่นานมานี้ โลมอน (Lomon) นักแสดงจากซีรีส์เรื่อง All Of Us Are Dead ได้พูดคุยถึงการทำงานกับซีรีส์เรื่องนี้

All Of Us Are Dead เล่าเรื่องของกลุ่มนักเรียนที่รอคอยการช่วยเหลือหลังจากไวรัสซอมบี้ระบาดในโรงเรียนของพวกเขา โลมอน รับบทเป็น อีซูฮยอก หนุ่มป็อปนักกีฬาของโรงเรียน หลังจากไวรัสระบาด เขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเพื่อนของเขา ไม่ว่าต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหนก็ตาม

โลมอนได้อธิบายตัวละครของเขาว่า “ซูฮยอกเป็นนักกีฬาและป็อปในหมู่เพื่อน พอมีไวรัสซอมบี้ระบาด เขากลายเป็นผู้นำที่ก้าวออกมาเพื่อปกป้องเพื่อนของเขา ผมไปเรียนแอคชั่นมา 3 เดือนก่อนถ่ายทำ และผมยังฝึกซ้อมด้วยการวิ่งในกองถ่ายเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับตัวเอง เพื่อที่จะแสดงออกมาได้ดูฉลาด ผมพยายามอินเข้ากับเหตุการณ์ในเรื่อง และเพราะพวกเราสนิทกันในชีวิตจริง ผมเลยพยายามที่จะรู้สึกเห็นใจเพื่อนร่วมชั้นเรียนของตัวเองจริงๆ”

สำหรับเนื้อเรื่องที่ถูกพูดถึงอีกอย่างของ All Of Us Are Dead คือเคมีระหว่าง ซูฮยอก และนัมรา (รับบทโดย โชอีฮยอน) นักเรียนตัวอย่างและหัวหน้าห้อง โลมอนได้พูดถึงความโรแมนติกของพวกเขาว่า “เพราะว่าผมและโชอีฮยอนอายุเท่ากัน เราเลยสามารถพึ่งพากันและกันได้ ผมว่าความโรแมนติกของเราเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและซื่อตรงมากกว่าเรื่องอื่นเพราะว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ในสถานการณ์ที่เราไม่รู้ว่าจะตายตอนไหน เราสิ้นหวังอยู่ตลอดเวลา ผมคิดว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เราสามารถโชว์ความโรแมนติกได้มากกว่าปกติครับ”

เขาเพิ่มเติมว่า “โชอีฮยอนอายุเท่าผมก็จริง แต่เธอมีด้านที่เป็นผู้ใหญ่มาก และเธอฉลาด อีฮยอนช่วยผมทั้งด้านจิตใจและการแสดง เธออบอุ่นและพึ่งพาได้ครับ” เมื่อถามถึงเหตุผลที่เขาคิดว่าทำให้ผู้ชมชื่นชอบเคมีของคู่เขา โลมอนบอกว่า “แม้ว่าพวกเขาจะแตกต่าง แต่พวกเขายอมรับในความแตกต่างของกันและกัน พวกเขาเป็นเด็กที่ชอบกันและกัน ผมคิดว่ามันคือเสน่ห์ที่ผู้คนเห็นเพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนรักแรกในวัยมัธยมที่ไม่สมหวังครับ”

ก่อนหน้านี้มีข่าวรายงานออกมาว่า ฉากจูบของ โลมอน และ โชอีฮยอน ถ่ายทำกันไปประมาณ 17 เทค โลมอนอธิบาย “อีฮยอนต้องถ่ายฉากนั้นโดยที่เธอต้องปิดตา ทำให้เธอหาริมฝีปากผมไม่เจอ เพื่อที่จะลดความกังวลของกันและกัน ผมบอกเธอไปว่า ‘ฉันไม่เป็นไรนะ’”

สำหรับซีซั่น 2 ผู้กำกับอีแจกยูบอกว่าอยากจะเล่าเรื่องราวของมนุษย์ที่กลายเป็นซอมบี้ และอีกฝ่ายที่มีภูมิคุ้นกัน เพราะว่านัมรา และ ซูฮยอกปิดฉากซีซั่น 1 ด้วยการเป็นคนละฝั่ง โลมอนถูกถามว่าพวกเขาจะสู้กันเองไหม โลมอนบอกว่า “ถ้ามีการทำซีซั่น 2 ผมคิดว่าซูฮยอกก็จะอยู่ข้างนัมราครับ ผมคิดว่าเขาคงรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องนัมราได้ ผมจินตนาการว่าซอมบี้ที่ชั่วร้ายและลูกครึ่งซอมบี้จะแบ่งฝ่ายและสู้กันครับ”

โลมอนได้เล่าเรื่องสมัยมัธยมของเขาเองว่า “ก็เหมือนกับซูฮยอกครับ ผมเข้ากันได้ดีกับเพื่อนร่วมชั้น แต่ก็ค่อนข้างเงียบในชั้นเรียน ผมไม่ชอบเป็นจุดสนใจครับ และแตกต่างกับซูฮยอกคือ เขาชอบคาบพละ แต่ผมไม่ชอบ ผมไม่ถูกกับลูกบอลผมเลยไม่เล่นบาสเกตบอลหรือฟุตบอล” สำหรับสิ่งที่คล้ายกับซูฮยอก โลมอนบอกว่า “ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เรากล้าเผชิญหน้ากับสถานการณ์ยากลำบากที่คนอื่นไม่อยากจะรับมือ ผมคิดว่าเราเหมือนกันในเรื่องความเห็นอกเห็นใจคนอื่นครับ”

โลมอนเล่าว่าเขาเริ่มต้นงานแสดงได้อย่างไร “ผมชอบเต้นครับ ตอนที่ยังเด็ก ผมซ้อมเต้นเพราะว่าอยากเป็นไอดอล และคนรู้จักของผมแนะนำผมให้กับประธานจองฮุนทัก (อดีตประธาน Sidus HQ) ประธานบอกว่าให้ผมลองเรียนการแสดง และผมคิดว่ามันคงสนุกดี ผมเลยลองทำดู ตอนแรกผมรู้สึกเหมือนตัวเองแค่ไปเล่นและไปสนุก แต่พอได้เริ่มลองทำ ผมได้รู้ว่าการแสดงเป็นสิ่งที่สนุกและมีเสน่ห์จริงๆครับ”

เมื่อพูดถึงความฝันในการเป็นไอดอลของเขา โลมอนบอกว่า “ว่ากันตามตรง ผมคิดว่าตัวเองเต้นไม่เก่งครับ ผมเลยคิดว่าผมไปใช้เวลากับการแสดงดีกว่า” 

โลมอนยังได้พูดถึงเรื่องที่เขามาจากอุซเบกิสถานว่า “ผมมาจากอุซเบกิสถานครับ แต่เป็นลูกหลานของชาวเกาหลี และผมก็เป็นคนเกาหลี ผมจบประถม, มัธยมต้นและปลายที่เกาหลี ผมเลยไม่รู้สึกว่าตัวเองมาจากครอบครัวหลากหลายวัฒนธรรมตอนที่อยู่ในเกาหลี ผมรู้สึกขอบคุณที่ได้รับความรักความสนใจจากหลายประเทศ รวมถึงอุซเบกิสถานที่ผมเกิด”

เมื่อถามว่าเขาอยากเป็นนักแสดงแบบใด โลมอนบอกว่า “ผมอยากเป็นนักแสดงที่มีมุมมองที่ดี และทำให้ดีที่สุดในงานที่เขาได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นแนวใดก็ตาม” เขาบอกอีกว่า “นักแสดงต้นแบบของผมคือ อีบยองฮอน (Lee Byung Hun) ครับ เวลาผมต้องการแรงบันดาลใจ ผมจะดูผลงานของอีบยองฮอน”

โลมอนมีงานแสดงเรื่องใหม่จ่อคิวรออยู่แล้ว “ตอนนี้ผมกำลังถ่ายทำเรื่อง Third Person Revenge อยู่ครับ ผมคิดว่าผมจะกลับมาทักทายแฟนคลับในฐานะโลมอนที่พัฒนาขึ้นอีกหน่อย ได้โปรดติดตามกันด้วยนะครับ”

โลมอนปิดท้ายด้วยการพูดถึงโปรเจค All Of Us Are Dead ว่ามีความหมายต่อชีวิตของเขาอย่างไร “ผมทำงานร่วมกับ All Of Us Are Dead เป็นเวลา 2 ปี ผมคิดว่ามันเป็นมากกว่าโปรเจค ในเรื่องนั้น ผมได้เพื่อนหลายคนและได้เจอคนที่ยอดเยี่ยมที่รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว ผมคิดว่ามันจะเป็นโปรเจคที่ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจ เป็นโปรเจคที่ผมมีความทรงจำที่อบอุ่นร่วมด้วยเยอะมาก”


ที่มา ( 1 ) ( 2 ) ( 3 )

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X