เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก siberiantimes.com

นอกจากเรื่องของวิธีการทำ "มัมมี่" (Mummy) จะเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลกใบนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถสร้างความตกตะลึงได้มากพอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับสิ่งที่เรียกว่า "รอยสัก" (Tattoo) ที่ใครจะไปคิดว่า จากอดีตกาลจนถึง ณ ปัจจุบันซึ่งเป็นเวลากว่า 2,500 ปีนั้น รอยสักก็ยังอยู่บนร่างกายของมัมมี่ไม่หายไปไหน

นี่เป็นเรื่องจริงที่ได้รับการค้นพบเมื่อเร็ววันนี้ หลังจากที่มีการรายงานล่าสุด (16 สิงหาคม) ว่า นาตาเลีย โปโลสแม็ก (Natalia Polosmak) นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้ค้นพบรอยสักบนร่างของมัมมี่เจ้าหญิงไซบีเรีย ซึ่งมีอายุร่วม ๆ 2,500 ปีเลยทีเดียว ที่สำคัญ รอยสักที่ว่านี้ยังอยู่ในสภาพที่ครบถ้วนสมบูรณ์อีกด้วย

โดยนาตาเลียได้ค้นพบมัมมี่ของเจ้าหญิงอูก็อก (Princess Ukok) และ 2 มัมมี่นักรบจากหลุมฝังศพที่ซึ่งอยู่ในชั้นดินเยือกแข็งคงตัวบนที่ราบสูงพลาโต ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,500 เมตร ใกล้เส้นชายแดนรัสเซียกับมองโกเลียและคาซัคสถาน ซึ่ง นาตาเลีย กล่าวว่า น่าประหลาดใจมาก ที่รอยสักบนร่างของมัมมี่ยังคงสภาพสมบูรณ์เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แม้ระยะเวลาจะล่วงเลยมานานกว่า 2,000 ปี

รูปปั้น เจ้าหญิงอูก็อก

จากผลการศึกษา และรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นทางประวัติศาสตร์พบว่า เจ้าหญิงอูก็อก สิ้นพระชนม์ในขณะมีพระชันษาเพียง 25 ปี เป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ที่ทรงได้รับการเทิดทูนเสมือนสตรีผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้คอยปัดเป่าภัยร้ายในสมัยนั้น มัมมี่ของพระองค์ทรงถูกฝังอยู่ ปกป้องด้วยมัมมี่นักรบ 2 นาย และม้าอีก 6 ตัว เสมือนตัวแทนนำทางพระองค์เดินทางไปยังโลกหน้าได้อย่างสงบสุข นอกจากนี้ ยังมีข้าวของเครื่องใช้จากทั้งขนสัตว์ ไม้ ทองแดง และทองคำ ถูกฝังอยู่รายรอบเช่นกัน

นาตาเลีย กล่าวต่อว่า รอยสักตามพระวรกายของเจ้าหญิงนั้น ส่วนใหญ่เป็นรูปสัตว์ในเทพนิยาย อาทิ กริฟฟอน (สัตว์คล้ายสิงโต ที่มีศีรษะ และปีกเหมือนนกอินทรี) และมังกร โดยอยู่ตามพระอังสา (ไหล่) ทั้งสองข้าง และพระเพลา (ขา) ซึ่งนับได้ว่าเป็นรอยสักที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มากเมื่อผ่านมาถึง 2,500 ปี ซึ่งสมัยก่อนรอยสักอาจเป็นเหมือนเอกลักษณ์บ่งบอกถึงบุคคลนั้น ๆ และเป็นสัญลักษณ์ช่วยให้คนในครอบครัว หรือเชื้อสายเดียวกัน สามารถจำกันได้ เมื่อเดินทางไปเกิดใหม่ยังโลกหน้าแล้ว และยังอาจสื่อถึงการแบ่งวรรณะทางสังคมด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ถือว่าแปลกเพราะพบรอยสักตามร่างกายหลายแห่ง จากที่ผ่าน ๆ มาจะพบอยู่ตำแหน่งเดียวเท่านั้นคือ ไหล่ซ้าย ซึ่งน่าจะเป็นตำแหน่งที่เห็นได้ชัดที่สุด ทั้งนี้ เธอและทีมงานจะศึกษา และวิเคราะห์เรื่องนี้โดยละเอียดต่อไปว่ามีความสัมพันธ์กับแนวคิดการสักตามร่างกายในปัจจุบันมากน้อยเพียงใด

ปัจจุบัน มัมมี่ของเจ้าหญิงอูก็อก ได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และนำออกแสดงต่อสาธารณชนแล้วที่ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เขตปกครองตนเองของสาธารณรัฐอัลไต (Altai)

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม