สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ว่า ทางการไซบีเรียของรัสเซียได้ตัดสินใจจะส่งคืน"มัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็ง"ที่ถูกพบเมื่อหลายสิบปีก่อน กลับคืนสู่หมู่บ้านที่เป็นจุดค้นพบแล้ว หลังถูกเตือนว่า การเก็บร่างมัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็ง และนำไปจัดแสดงโชว์ จะนำภัยพิบัติร้ายแรงมาเยือน

โดยทางการไซบีเรียได้เตรียมจะคืนร่างมัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็ง หรือ"เจ้าหญิงแห่งที่ราบสูงอูก๊อก"อายุ 2,500 ปี กลับคืนสู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเทือกเขาอัลไต และนำร่างพระองค์ไว้ในสุสานพิเศษที่จะถูกสร้างให้แก่พระองค์ หลังจากหัวโดยเหล่าผู้นำแห่งเทือกเขาอัลไตได้เรียกร้องให้ทางการไซบีเรียคืนมัมมี่เจ้าหญิงกลับคืนสู่ที่ราบสูง"อูคอปส์"เพื่อไม่ให้พระองค์ทรงพิโรธ เนื่องจากการนำเจ้าหญิงมัมมี่น้ำแข็งไปจากที่ที่พระองค์เคยถูกฝังร่าง ถือเป็นการรบกวนดวงวิญญาณของพระองค์ และทำให้พระองค์ทรงพิโรธ และจะนำมาซึ่งภัยอาเพศต่าง ๆ รวมทั้งการเกิดแผ่นดินไหว และน้ำท่วม

รายงนระบุว่า มัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็งได้ถูกขุดพบโดยนักวิทยาศาสตร์รัสเซียเมื่อปี 1993 และถูกยกให้เป็นการค้นพบด้านโบราณสถานที่สำคัญยิ่งแห่งศตวรรษที่ 20 โดยมัมมี่นี้เชื่อว่ามีอายุ 25 ปี และเสียชีวิตเพราะเป็นมะเร็ง ได้อยู่ในสภาพรักษาสภาพด้วยดินแข็ง โดยร่างกายพระองค์มีรอยสัก

นอกจากนี้ ยังพบซากม้า 6 ตัวที่มีบังเหียน ซึ่งเชื่อว่าถูกฝังเพื่อเป็นพาหนะให้มัมมี่เจ้าหญิงน้ำแข็งนี้ เดินทางไปสู่โลกหน้า รวมทั้งยังพบเครื่องประดับต่าง ๆ ที่ทำจากไม้ เงิน และทองคำ ขณะที่เสื้อผ้าของพระองค์ ยังมีถุงใส่"เครื่องสำอาง"ของพระองค์ด้วย โดยและที่ผ่านมา ได้มีการเก็บร่างพระองค์ไว้ในสถาบันวิทยาศาสตร์ในเมืองโนโวซิเบี๊ยก และมีการย้ายพระองค์เพื่อจะนำไปโชว์แสดง

อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้นำแห่งเทือกเขาอัลไตได้เรียกร้องให้ทางการไซบีเรียคืนมัมมี่เจ้าหญิงกลับคืนสู่ที่ราบสูง"อูคอปส์"เพื่อไม่ให้พระองค์ทรงพิโรธ และบันดาลให้เกิดเพศภัยร้ายแรง พร้อมทั้งบอกว่า เจ้าหญิงอูก๊อกจะต้องได้รับการนำร่างกลับไปสถิตย์ยังที่เดิม และการสร้างสุสานใหม่ให้แก่พระองค์จะต้องเป็นทำตามธรรมเนียมโบราณเหมือนที่พระองค์เคยถูกฝังตั้งแต่แรกด้วย

ที่มา  มติชนออนไลน์