|
ลิซ่า (Lisa) วง แบล็คพิงค์ (BLACKPINK) เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ได้รับความนิยมและยอมรับในทักษะทางด้านการเต้นและการแสดงบนเวทีของเธอจากแฟนคลับทั่วโลกในตอนนี้
วันนี้เรามาฟังเรื่องราวก่อนเดบิวต์ของลิซ่ากันดีกว่าไหม?
ถ้าให้พูดถึงเรื่องราวการเดินตามฝันบนเส้นทางศิลปินในวัยเด็กของลิซ่า จะไม่พูดถึงครูก้อย คงไม่ได้ โดยครูก้อยได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับ MGR Online ถึงช่วงเวลาที่เธอได้สอนลิซ่า
นอกจากลิซ่าแล้ว ครูก้อยยังเป็นครูสอนร้องเพลงให้กับศิลปินที่มีชื่อเสียงในไทยอีกหลายคน ครูก้อยเล่าว่าลิซ่าเคยเรียนกับครูหลายคนมาก่อนหน้านี้แล้ว และเธอคือครูคนสุดท้ายก่อนที่ลิซ่าจะผ่านการออดิชั่นของ YG Entertainment
ครูก้อยบอกว่าลิซ่าเป็นคนมีพลังเหลือล้นและบุคลิกสดใส เธอไม่ขาดเรียนเลยซักครั้งก็ว่าได้
“ลิซ่าเปล่งประกายมาตั้งแต่เริ่มต้น เธอเป็นเด็กร่าเริง ไม่เคยเห็นเธอเศร้าเลย เธอมักมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ”
ลิซ่ายังได้แนะนำครูก้อยให้รู้จักกับ แบมแบม (Bambam) วง GOT7 ซึ่งตอนนั้นยังอยู่ในวัยเด็กเช่นกัน ครูก้อยบอกว่าลิซ่าแนะนำแบมแบมให้มาเรียนร้องเพลงด้วยกัน เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าลิซ่าชอบการสอนของครูก้อยมากแค่ไหน
“พวกเขาเหมือนพี่น้องกันเลยค่ะ พวกเขาโตมาด้วยกัน เลยเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตกหลุมรักกันค่ะ”
ก่อนหน้านี้ลิซ่ามีชื่อเล่นว่า ‘ป๊อกแป๊ก’ และถึงเธอจะบุคลิกขี้เล่น แต่เมื่อถึงเวลาจริงจัง เธอก็เป็นคนหนึ่งที่ทุ่มเทหนักมาก
“ตอนนั้นพวกเราเรียกเธอว่า ‘ป๊อกแป๊ก’ ฉันชอบชื่อนั้นนะคะ เป็นชื่อที่ดูซุกซนเข้ากับเธอดี ใครจะต้านทานพลังความสดใสเหมือนบับเบิ้ลขี้เล่นของเธอได้จริงไหมคะ? ถึงจะขี้เล่น แต่เมื่อถึงเวลาเอาจริง เธอก็ทุ่มหมดตัว เธอเต้น เธอร้องเหมือนกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้แล้ว”
ลิซ่าสนใจวงการเคป็อปมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และอยากเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายเพลงเกาหลี ตอนนั้นครูก้อยแอบคิดว่าความฝันของเธอดูสูงไป แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่อยากทำลายความฝันของลูกศิษย์
ช่วงปี 2010 YG Entertainment ได้ประกาศว่าจะจัดงานออดิชั่นครั้งแรกในประเทศไทย ลิซ่าตั้งใจเตรียมตัวอย่างดี เธอรู้ว่าทักษะการเต้นของเธอดีแล้วในระดับหนึ่ง แต่การร้องเพลงของเธอต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ลิซ่าและครูก้อยจึงต้องนัดฝึกกันให้มากขึ้น
ครูก้อยสอนให้ลิซ่าร้องเพลงได้ดีขึ้น เมื่อร้องเพลงได้ดีแล้วก็สอนให้ใส่อารมณ์ลงไปในระหว่างร้องเพลง ครูก้อยสอนลิซ่าให้ร้องเพลงในแบบนักร้องมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้า เพลงเร็ว หรือเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ก็สอนแบบเทหน้าตักกันเลยทีเดียว
ความขยันและมุ่งมั่นของลิซ่าปรากฎผ่านการที่เธอทำตามคำแนะนำของครูก้อยทุกอย่างและทำการบ้านทุกอย่างที่ให้ไป
และในที่สุดลิซ่าก็ได้รับผลตอบแทนจากความพยายาม เธอสามารถร้องและเต้นได้ดีในงานออดิชั่นและเป็นเด็กไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ผ่านการคัดเลือกของ YG Entertainment
ครูก้อยเล่าว่าช่วงเวลาเป็นเด็กฝึกหัดตลอด 6 ปีนั้นเป็นช่วงที่ลำบากมาก เธอต้องย้ายไปอยู่เกาหลี อีกทั้งช่วงเวลายาวนานขนาดนั้นทำให้คนอื่นจบปริญญากันได้หมดแล้ว ในขณะที่ลิซ่าไม่มีความแน่นอนเลย และไม่รู้ด้วยว่าเธอจะได้เดบิวต์เป็นไอดอลเมื่อไหร่
“ช่วงเวลานั้น ฉันคาดว่าเธอคงมีคิดบ้างแหละว่าจะล้มเลิกดีไหม เพราะทุกอย่างดูไม่แน่นอนเลย ‘ฉันจะได้เดบิวต์ไหมนะ? หรือจะไม่ได้? ถ้าพวกเขายกเลิกแล้วฉันต้องกลับบ้านจะเกิดอะไรขึ้น’”
แม้ว่าลิซ่าจะกังวลว่าจะได้เดบิวต์หรือไม่ แต่เธอก็ยังคงฝึกฝนและพัฒนาตัวเองต่อไป ครูก้อยเล่าว่าตอนที่ลิซ่าไปเกาหลีครั้งแรก เธอไม่รู้ภาษาเกาหลีเลย ลิซ่าเริ่มต้นจากการพยายามเรียนรู้ภาษาเกาหลีเพื่อใช้สื่อสารได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“เธอต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมใหม่...ช่วงที่เธอเป็นเด็กฝึกหัด ลิซ่าก็ยังคงเป็นเด็กร่าเริงแบบที่เคยเป็น ตอนที่เธอกลับมาเธอยังดูมีชีวิตชีวา ครูก้อยมารู้จากคุณแม่ของลิซ่าว่าเธอถูกกีดกันหลายเรื่องและต้องอดทนมาเป็นเวลานาน”
ต้องขอบคุณที่ในที่สุดลิซ่าก็ได้เดบิวต์ในฐานะเมนแดนเซอร์และแร็ปเปอร์ของวง แบล็คพิงค์ในปี 2016 และพวกเธอประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากหลังจากเดบิวต์
ถึงจะประสบความสำเร็จโด่งดังเพียงใด ลิซ่าก็ไม่เคยลืมตัวตนและยังคงถ่อมตัวอยู่เสมอ เหมือนก่อนที่เธอจะเป็นเด็กฝึกหัด
“เธอเป็นคนน่ารักซึ่งมีความมุ่งมั่นสูง ไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็มีความสุขในทุกอย่างที่ได้ทำ ครูชอบเธอที่เธอไม่เคยลืมความเป็นไทย วัฒนธรรมของไทยอยู่ในตัวลิซ่าไม่ว่าจะไปที่ไหน เธอทำตัวเป็นคนไทยเมื่อเจอผู้อาวุโส เวลาเธอมีความสุข ถึงแม้เธอจะกระโดดกอดคุณ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ลืมยกมือไหว้”
ลิซ่ายังคงแสดงความรักความขอบคุณถึงครูก้อยในทุกครั้งที่มาไทย
“มีหลายครั้งที่ลิซ่าแสดงออกว่ารักครู เธอส่งผลไม้มาให้ เร่งคุณแม่ให้เอามาให้ครูก่อนที่ผลไม้จะเหี่ยวด้วย”
ลิซ่ายังคงเป็นเด็กน้อยของครูก้อยอยู่เสมอ อย่างตอนส่งอัลบั้มมาให้ครูก้อย ลิซ่าเขียนว่า ‘ขอบคุณครูก้อยค้าบ’ ‘รักครูก้อยค้าบผม’ เป็นข้อความแสดงความน่ารักและความแสบที่มีอยู่ในตัวตนที่ร่าเริงของลิซ่าได้ดีจริงๆ
ครูก้อยมีโอกาสได้สอนคนดังหลายคน และคุณครูก็ไม่ลืมแนะนำลิซ่าในการวางตัวในฐานะคนดัง
“ครูสอนลิซ่าว่าเมื่อมีชื่อเสียง ทุกอย่างก็ดูดีไปหมด...แต่ถ้าทุกอย่างเปลี่ยนไป หนูก็ต้องรับมันให้ได้และใช้ชีวิตต่อ...วันหนึ่งถ้ามีการเปลี่ยนแปลง มันอาจจะยาก แต่ถ้าหนูเข้าใจเรื่องนี้และก้าวต่อไป ชีวิตก็จะมีความสุข”
ชื่อเสียงอาจเหมือนเปลวไฟที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่หากลิซ่ายังคงความเป็นตัวตนและคุณค่าในตัวเธอไว้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เธอก็จะสามารถผ่านไปได้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
ครูก้อยจบการสัมภาษณ์ด้วยการสนับสนุนให้ลิซ่าเป็นตัวของตัวเอง และซื่อสัตย์ต่อตนเอง
“ครูสอนเธอให้ดูแลสมาชิก เพื่อนร่วมงานให้ดี โดยตั้งอยู่ในความเป็นตัวของตัวเอง คุณแม่ของเธอก็บอกเธอเช่นกันว่าการเป็นตัวของตัวเองนั้นดีที่สุด เธอเป็นคนเข้มแข็งเมื่อดูจากสิ่งที่เธอผ่านมาได้ในอดีต”
ครูก้อยและลิซ่ายังคงติดต่อกันอยู่เสมอ และลิซ่ายังคงเคารพรักคุณครูของเธอ และเมื่อไหร่ที่มาไทยก็จะหาโอกาสมาเจอครูก้อยอยู่เป็นประจำ
ครูก้อยเป็นอีกคนที่ถือเป็นแรงผลักดันลิซ่า และแน่นอนว่าครูไม่พลาดที่จะไปให้กำลังใจในงานคอนเสิร์ตแบล็คพิงค์ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพแน่นอน
ด้วยคำสอนของครูก้อยผ่านบทสัมภาษณ์นี้ทำให้รู้เลยว่า ลิซ่ามีความสามารถรวมถึงบุคลิกที่อบอุ่นส่วนหนึ่งก็มาจากครูก้อยคนนี้นี่เอง
ที่มา https://www.koreaboo.com
แปลโดย http://popcornfor2.com