ผู้กำกับมะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล อาจแจ้งเกิดจากหนังอย่าง “13 เกมสยอง” แต่ก็หนังที่น่าจะทำให้เขาได้แฟนคลับติดตามมากที่สุดน่าจะเป็นหนังว่าด้วยชีวิตวัยรุ่น เช่น “รักแห่งสยาม” และหนังรักสามตอน “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ซึ่งตอนแรกของหนังก็เป็นเรื่องราวความรักของวัยรุ่นที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมมากมาย และผู้มะเดี่ยวก็กลับมากำกับหนังแนวนี้อีกครั้งใน “เกรียน ฟิคชั่น” ผลงานล่าสุดที่จะเข้าฉาย 18 เมษายนนี้ครับ

ในโปรดักชั่นโน้ตของ “เกรียน ฟิคชั่น” ที่สหมงคลฟิล์มได้ส่งมาให้เรา ดูเหมือนว่าอิทธิพลที่ทำให้ผู้กำกับมะเดี่ยวชอบหนังแนวกระโปรงบานขาสั้นก็มาจากการที่ชอบดูหนังแนวนี้เป็นชีวิตจิตใจตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นครับ ไม่ว่าจะปลื้ม, น้ำเต้าหู้กับครูระเบียบ, กระโปรงบานขาสั้น โดยคิดว่าหนังวัยรุ่นมันเป็นบันทึกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง ในแต่ละยุคสมัยของตัวเอง “ใช่ เราเติบโตมาพร้อมๆกับหนังไทยวัยรุ่นยุคของ พี่เอ็ม สุรศักดิ์ วงษ์ไทย แล้วเราก็ดูหนังวัยรุ่นมาตลอด ซึ่งแต่ละยุคแต่ละสมัยวัยรุ่นจะเปลี่ยนและแตกต่างกันไป เราจึงอยากทำหนังวัยรุ่น มันเหมือนเราได้บันทึกเรื่องราวความทรงจำวัยรุ่นยุค2013เอาไว้ในหนังของเรา เริ่มจากสิ่งที่วัยรุ่นสนใจ ไปจนถึงเรื่องวุ่นๆในวัยเด็ก ชีวิตของเด็กมัธยมปลายที่บางครั้งเรื่องเล็กๆสำหรับเด็กในวัยนั้นมันกลายเป็นเรื่องใหญ่มาก มันมีเรื่องราวสนุกสนานมากมาย และสำหรับ เกรียน ฟิคชั่น คือ บันทึกยุคสมัยในเด็กวัยรุ่นของยุคนี้นั่นเอง”

ในการสร้างผลงานเรื่องที่ 7 ของผู้กำกับมะเดี่ยวที่จะเป็นการถ่ายทอดชีวิตวัยรุ่นยุค iOS นี้ เขาได้ดึงมาจากประสบการณ์ส่วนตัว โดยร่วมเขียนบทกับนิวรุจ ฑีฆะโภวรรณ “เรื่องนี้เป็นเรื่องวัยรุ่นล้วนๆเลย หนังพูดถึงจิตวิญญาณของเด็ก เราเองก็ต้องทำตัวให้เด็กลง ต้องเข้าใจเด็ก ต้องปรับมุมมองหลายอย่างในโลกนี้ ทำการบ้านเยอะขึ้นพอสมควร ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนบทบันทึกของวัยรุ่นยุคนี้ที่ชอบทำกิจกรรมเยอะ และชอบแสดงตัวตน เราจะเห็นจากการประกวดหนังสั้น คลิป เต้น ต่างๆมากมาย แล้วทุกครั้งที่มีเวทีประกวดต่างๆ เราก็จะเห็นคนเข้าแถวต่อแถวกันยาวมาก เพราะ คนต้องการแสดงตัวตน ต้องการพื้นที่เพื่อจะบอกโลกว่าฉันอยู่ตรงนี้ ฉันมีความสามารถตรงนี้ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ทำง่าย เพราะมันมีทั้งยูทูป ทั้งอินเตอร์เน็ต ให้เด็กถ่ายคลิปลง จึงตอบโจทย์ว่าการพยายามที่จะมีตัวตนของน้องๆนำไปสู่สิ่งใดต่อสิ่งใด คิดว่าเด็กรุ่นนี้น่าจะอินน่าจะเข้าใจได้”

“เกรียน ฟิคชั่น” เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของแก๊งวัยรุ่น ม.4 ที่เรียกตัวเองว่าแก๊งเกรียน ประกอบไปด้วยตี๋, โอ๊ต, ม่อน และโมน สี่ตัวละครอันเป็นหัวใจหลักของหนังที่ชอบถ่ายหนังเอาไปลงยูทูบ ผู้กำกับมะเดี่ยวเลือกเฟ้นนักแสดงหน้าใหม่มารับบท และพบความลำบากพอสมควรกว่าจะคัดเลือกนักแสดงได้ “เราต้องการเป็นแก๊ง แล้วไอ้คำว่าแก๊งนี้คือต้องดูสนิทกันจริงๆต้องเล่นให้เข้าขากันจริงๆ ซึ่งก็ใช้เวลานานมาก เราอยากให้คนดูมาดูหนังเรื่องนี้ เพื่อที่จะได้เจอกับเรื่องราวของเด็กกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ แต่เรามาทำความรู้จักกับพวกเขาใหม่หมดเลย มันจะอินไปตามเนื้อเรื่องของพวกนี้เอง”

ตัวเอกของหนังคือ ตี๋ รับบทโดย พันธดนย์ จันทร์เงิน (เฟียต) ต้องตัวเล็ก หรือเตี้ยนั่นเอง มักจะถูกมองข้ามไปตลอด และไฮไลท์ต้องเป็นคนขี้น้อยใจ อยากให้เพื่อนสนใจเป็นปมในใจเล็กๆ แต่จะต้องเป็นคนฉลาด โดยผู้กำกับมะเดี่ยวถึงกับกุมขมับด้วยความที่กว่าจะหาคนแสดงลักษณะแบบนี้ได้นั้นแคสกันแล้ว แคสกันอีกก็ยังไม่เจอคนที่ใช่และเหมาะสม คนที่จะมาสวมบทตี๋ จะต้องหน้าตาน่ารัก แต่ต้องไม่หล่อจนเกินไป แสดงดี มีความสามารถ ร้อง เต้น ครบถ้วน “โอ้ว…โห นานพอสมควรกว่าจะหาคนที่เหมาะสม จนเมื่อมาเจอน้องเฟียต พัทธดนย์ และเราเห็นเขาชอบอัดคลิป เฟียตเขาถ่ายคลิปตัวเองร้องเพลง นี่แหละมันใช่เลย เราต้องการเด็กที่มีประสบการณ์ร่วมในการถ่ายคลิปอยู่แล้วด้วย เพราะเขาจะเข้าใจว่าตัวละครมันทำไปเพื่ออะไร มันทำอะไรกันอยู่”

คนที่สองของแก๊งเกรียนก็คือ โอ๊ต รับบทโดย กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม (เจเจ) เป็นหนุ่มหล่อเดือนโรงเรียน สูง หล่อ ขาว ตี๋ รวย นั้น ซึ่งผู้กำกับมะเดี่ยวคิดตั้งแต่แว๊บแรกเลยว่าเจเจ กฤษณภูมิ เหมาะสมกับบทนี้ ที่ผู้กำกับประทับใจตั้งแต่ตอนมาคัดเลือกรับบทในโฮมฯ “ก่อนหน้านั้นเรื่องโฮมฯ เจเจมาแคสบท บีม แต่ที่ไม่ได้เพราะ หล่อเกินไป(หัวเราะ) พอมาเรื่องนี้มันใช่และเหมาะกับเจเจมาก กับบทเด็กผู้ชายในฝันของสาวๆม.ปลาย สมาร์ทดูดี ไม่ได้เรียบร้อยมาก มีความห้าวในตัวพอควร มันเหมาะเพราะชีวิตจริงของเจเจก็เป็นแบบนั้น อยู่เชียงใหม่มีสาวตามกรี๊ด จะเดินไปไหนก็ พี่เจเจกรี๊ดดดดดด”

แจ็ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา คือผู้พิชิตบทของ โมน สมาชิกคนที่สามของแก๊ง ตัวละครที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูด เพื่อนเฮไหนก็เฮนั่นด้วยตลอด แม้บทบาทที่ได้รับจะแตกต่างจากตัวตน แต่จากผลงานก่อนหน้านี้ Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ มะเดี่ยวก็เล็งเห็นความสามารถของเขา “ทีแรกเราลองให้แจ็คแคสบทของ โอ๊ต ก่อน แต่ที่ไม่ได้เลือกแจ็คนั้น เพราะความหล่อที่ยังมาไม่ถึง(หัวเราะ) จึงเปลี่ยนตัวน่าจะดีกว่า แต่บทของโมนก็ไม่ธรรมดานะ ซึ่งมันเหมาะกับคนไม่ธรรมดาอย่างแจ็คนี่แหละ เราเลือกแจ็คเพราะเขาได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่าเป็นนักแสดงที่มีฝีมือ และอยากให้รอดูความเซอร์ไพรส์ของแจ็คในเรื่องนี้”

และหนุ่มคนสุดท้ายที่จะมารับบท ม่อน เด็กผู้ชายฮอร์โมนพลุ่งพล่าน เป็นพวกทะลึ่ง ลามก ตลก กวนตีน พูดเยอะพูดเก่งปากดี ขี้บ่น ก็คว้าตัว ปลื้ม ปุริม รัตนเรืองวัฒนา มาจากการเดินผ่านหน้าออฟฟิศสตูดิโอคำม่วน ระหว่างกำลังโดดเรียนนั่นเอง เพราะความมีเสน่ห์ น่ารัก แม้จะไม่เคยผ่านงานแสดงใดๆมาก่อนเลย มะเดี่ยวเล่าว่า “ปลื้มตอนมาแคสตั้งใจมาก สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ถึงทำไม่ได้แต่ก็พยายามที่จะทำให้ดีที่สุด เช่น บอกให้เขาไปเต้น ซึ่งเขาเป็นคนไม่เคยเต้นเลยแต่เขาก็ทำให้ดีที่สุดของเขาและตัวตนของปลื้มแตกต่างจากบทม่อนอย่างสิ้นเชิง อะไรที่ม่อนเป็นมันตรงข้ามกับปลื้มทุกอย่าง แต่น้องก็พิสูจน์ให้เราเห็นถึงความการแสดงว่าเขาทำออกมาได้ดี”

กว่าแก๊งเกรียนหน้าใหม่เหล่านี้จะแสดงได้สมใจผู้กำกับมะเดี่ยว พวกเขาต้องถูกจับฝึกโหดล่วงหน้ากว่า 2 เดือน ทั้งเรียนการแสดง เรียนเต้น และหลากหลายทักษะ เพราะนอกจากจะต้องแสดงภาพยนตร์ตามเส้นเรื่องหลัก พวกเขายังต้องมีการแสดงละครเวที 2 เรื่อง และเต้นโชว์เสต็ปอีก 2 โชว์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับนักแสดงหน้าใหม่อย่างพวกเขาเลย เจเจ กฤษณภูมิ เล่าว่า“โดนหนักไม่น้อยครับโดนสั่งให้วิ่งกลางสนามบาสโรงเรียน แล้วก็ตะโกนบทออกมาเสียงดังๆ และคนก็เยอะมาก หากเสียสมาธิ ไม่ตั้งใจ จะมีการโดนทำโทษที่น่าอับอายขายขี้หน้ามาก คือ ไปยืนตรงระเบียงหน้าห้องเรียน แล้วทำเสียงเป็นตุ๊ดตะโกนดังๆว่า อยากได้ผู้ชายจัง, หนูสวยค่ะ มีการหันก้นตบตูดกวักมือเรียก โอ้ย…อายอ่ะ แต่จะว่าไปแล้วมันก็เป็นการฝึกความกล้าของเราด้วยครับ”

ปลื้ม ปุริม เองก็ต้องถูกเคี่ยวหนักเช่นกัน “แอ็คติ้งโค้ชสั่งให้อมนิ้วเท้าตัวเองครับ อมแล้วต้องทำหน้าว่ามันอร่อยมากกก(ลากเสียงยาว) ส่วนผมกำลังจะก้มอมนิ้วอยู่แล้ว แต่ครูดันหันไปทางอื่นก่อน ผมเลยหยุดทำ(หัวเราะ) แต่ต่อจากนั้นโดนสั่งให้ถอดรีเทรนเนอร์ที่ใส่ฟันออกมาจากปาก เอามาอัดไว้ที่จมูกตัวเองแล้วก็ต้องทำหน้าทำตาว่า หอมมาก ชื่นใจที่สุด ตอนแรกก็คิดว่าจะพูดเล่น อำเล่นหรือเปล่าน๊า แต่สรุปว่าเขาสั่งให้พวกผมทำกันจริงๆ และต้องทำทุกคนเลยครับ”

นอกจากด้านการแสดงแล้ว ทั้งสี่ก็ต้องเรียนเต้นด้วย หลายคนยังไม่มีพื้นฐานการเต้น ยกเว้น แจ็ค กิตติศักดิ์ “ผมพื้นฐานการเต้นมาบ้างแล้ว ปกติผมเต้นสไตล์ป็อปปิ้ง แต่ถึงจะเป็นคนเดียวในแก๊งเกรียนที่มีพื้นฐาน ผมก็ต้องขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อเข้าเวิร์คช็อปร่วมกับน้องๆ เราจะได้ดูกลมกลืนเป็นเกรียนรุ่นเดียวกันครับ(หัวเราะ)” แจ็คยังช่วยทำตัวเป็นพี่เลี้ยงสอนน้องๆเต้น แต่ก็กลายเป็นเต้นท่าติดเรทเสียนี่ เฟียต พัทธดนย์ยืนยัน “ตอนฝึกเต้น เป็นอะไรที่ยากแต่ก็ฮามากครับ ไม่มีใครเต้นเป็นก็จะเต้นมั่วๆไป มีพี่แจ็คเพียงคนเดียวที่เต้นเป็น ดังนั้นพี่แจ็คจึงช่วยสอนเต้นให้กับพวกเราด้วยครับ ซึ่งท่าเต้นพี่แจ็คก็จะเป็นท่าฮา ท่าติดเรท(หัวเราะ) คิดได้ไงสอนท่าเต้นเซ็กซี่ ยั่วยวน แบบเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี ส่วนท่าฮาๆเป็นท่าเต้นสุดฮิตกังนัมสไตล์ เต้นกันทั้งแก๊งเลยครับ”

ทั้งมาริโอ้ เมาเร่อ และพิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล จาก “รักแห่งสยาม” เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งในความตาแหลมของผู้กำกับมะเดี่ยวด้านการคัดเลือกนักแสดง รวมถึงการดึงเอาศักยภาพของนักแสดงวัยรุ่นเหล่านี้ออกมา ทำให้กลายเป็นนักแสดงขวัญใจของคนมากมาย ไม่แน่ว่าทั้งสี่หนุ่มหน้าใหม่แห่ง “เกรียน ฟิคชั่น” อาจได้เจริญรอยตามเส้นทางนั้นต่อไปครับ

ttp://jediyuth.com