จากกรณีที่ทีมนักวิจัยจากเนเธอร์แลนด์ได้เอกซเรย์พระพุทธรูปจากจีนองค์หนึ่ง และพบโครงกระดูกมนุษย์อยู่ภายในซึ่งเชื่อกันว่าเป็นร่างของหลวงจีน "หลิวฉวน" ที่ทำการมัมมี่ตัวเองเมื่อกว่าพันปีก่อนในยุคจีนโบราณ สร้างความตกตะลึงและเป็นข่าวดังไปทั่วโลก และปัจจุบันยังจัดแสดงอยู่ในยุโรปนั้น
ล่าสุดเว็บไซต์ของจีนรายงานความคืบหน้าว่า พระพุทธรูปดังกล่าวอาจเป็นพระพุทธรูปที่ถูกขโมยมาจากหมู่บ้านหยานชุนในมณฑลฝูเจี้ยนของประเทศจีนเมื่อปี 2538
โดยพระพุทธรูปที่ถูกขโมยไปองค์นี้ มีประวัติความเป็นมาว่าในยุคราชวงศ์ซ้อง (พ.ศ.1503-1822) มีชายคนหนึ่งประกอบอาชีพเลี้ยงวัว ต่อมาได้รับความนับถือจากชาวบ้านเพราะได้รักษาโรคให้ชาวบ้านโดยไม่คิดเงิน ต่อมาจึงได้บวชเป็นพระและทำการมัมมี่ตัวเองไว้ภายในพระพุทธรูป ซึ่งชาวบ้านก็ได้สักการะบูชาพระพุทธรูปองค์นี้เรื่อยมานับพันปี จนกระทั่งสูญหายไปจากวัดของหมู่บ้านเมื่อปี 2538
ต่อมาเมื่อมีข่าวว่าทีมนักวิจัยจากเนเธอร์แลนด์ค้นพบกระดูกภายในพระพุทธรูปและเป็นข่าวดังไปทั่วนั้น ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านหยานชุนเชื่อว่าต้องเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวกับที่ถูกขโมยไปอย่างแน่นอนโดยชาวบ้านได้ตั้งข้อสังเกตุ 3 ข้อ คือ
1.พระพุทธรูปที่กำลังจัดแสดงอยู่ที่ยุโรปมีลักษณะเหมือนกับองค์ที่ถูกขโมยไปจากหมู่บ้านเป็นอย่างมาก
2.จากการวิจัยของทีมวิจัยเนเธอร์แลนด์พบว่าพระพุทธรูปมีอายุราวคริสต์ศตวรรษที่ 11-12 ซึ่งตรงกับตำนานของชาวบ้านที่เชื่อว่าพระพุทธรูปองค์นี้ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงราชวงศ์ซ้องคือราวคริสต์ศตวรรษที่ 10-13
3.พระพุทธรูปถูกขายให้กับนักสะสมชาวดัชต์เมื่อปี 2539 เพียง 1 ปีหลังจากพระพุทธรูปหายไปจากหมู่บ้าน
โดยทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่าทางการท้องถิ่นจะได้ตรวจสอบข้อมูลความเป็นไปได้และร่องรอยเส้นทางที่พระพุทธรูปถูกขโมยออกจากหมู่บ้านต่อไป
ขอขอบคุณที่มา ข่าวสดออนไลน์