เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ ลูกเรือการบินไทย โพสต์แจงไม่ได้หนีก่อน
2013-09-14 21:38:00
Advertisement
คลิก!!!

 
แอร์บัส 330 การบินไทย ไถลรันเวย์สุวรรณภูมิ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น โดยคุณ DuangAestheticII สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอมทวิตเตอร์ @MalengSaabเฟซบุ๊ก รักคุณเท่าฟ้า
         
          ลูกเรือการบินไทย โพสต์เฟซบุ๊ก แจงปมลูกเรือหนีก่อน เผยต้องลงมาเตรียมความพร้อมตามขั้นตอน ชี้หลังจากเกิดเหตุเป็นหน้าที่ของภาคพื้นดิน

          จากเหตุการณ์ระทึกขวัญ เครื่องบินแอร์บัส A330-300 สายการบินไทย เที่ยวบิน TG-679 กวางโจว-สุวรรณภูมิ ไถลออกนอกรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิจนเกิดไฟลุกไหม้ เมื่อเวลา 23.25 น. ของเมื่อคืนที่ 8 กันยายน 2556 จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารจำนวน 12 คนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์บอร์ด ทอท. ได้แถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุสาเหตุว่าเกิดจากฐานล้อขัดข้อง ส่วนทางผู้ได้รับบาดเจ็บก็ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

          ล่าสุดเช้าวันที่ 10 กันยายน 2556 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 ได้นำเสนอเกี่ยวกับประเด็นข่าวที่ระบุว่าลูกเรือการบินไทยหนีลงจากเครื่องก่อนและไม่ได้ช่วยผู้โดยสาร ซึ่งทางลูกเรือได้ชี้่แจงผ่านเฟซบุ๊ก รักคุณเท่าฟ้า ว่า เป็นกฎเกณฑ์ในการช่วยเหลือที่จะต้องให้ลูกเรือลงแพยางไปก่อน เพื่อเตรียมพร้อมทางด้านล่างให้และช่วยเหลือผู้โดยสาร ดังนี้... 

          "เรียนท่านผู้โดยสารนะคะ ต้องกราบขออภัยในอุบัติเหตุครั้งนี้ จากสื่อต่าง ๆ มากมายที่ตำหนิการบินไทยจริง ๆ ในฐานะลูกเรือคนหนึ่งเข้าใจหัวอกผู้โดยสารทุกท่านค่ะ ใครเจอแบบนี้ก็ต้องตกใจและกลัวเป็นธรรมดานะคะ ทีนี้ขอความกรุณาใจเย็นและร่วมพิจารณาสิ่งเหล่านี้ไปด้วยกันค่ะ 

           1. การบริการที่ดี 

           2. การดูด้านความปลอดภัย 



           เรื่องสองเรื่องนี้ต่างกันนะคะ การทำงานระหว่างสองเรื่องนี้ก็ทำให้เวลาต่างกันค่ะ เอาแบบง่าย ๆ นะคะ เราเอาเวลาสัญญาณรัดเข็มขัดเป็นหลักค่ะ หากมันดับลงเมื่อไหร่ การทำงานในข้อที่ 1 จะเริ่มขึ้นค่ะ หากการเดินทางตลอดเที่ยวบินไม่ได้รับความสะดวก สามารถตำหนิการบินไทยได้ตลอด เรียกไปว่า หรือเขียนจดหมายตำหนิ ซึ่งลูกเรือทุกคน ย้ำนะคะว่าทุกคนยินดีมากที่จะได้ค่ะ เพราะมันสะท้อนในการทำงานข้อ 1 ของแต่ละเที่ยวบิน 

            ทีนี้พอสัญญาไฟรัดเข็มขัดติดขึ้น ไม่ว่าเวลาใดก็ตามแต่ การทำงานในข้อ 2 จะเริ่มขึ้น โดยข้อ 1 จะถูกมองข้ามไปโดยไม่มีข้ออ้างใดสำคัญกว่าความปลอดภัยค่ะ สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ลูกเรือการบินไทยปฏิบัติหน้าที่อย่างครบถ้วน ตามที่องค์กรการบินระหว่างประเทศกำหนดให้ทำค่ะ ซึ่งจากกรณีนี้มีผู้โดยสารหลายท่านเข้าใจผิดเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติหาเกิดอุบัติเหตุ 

          1. ลูกเรือหนีก่อน 

          เนื่องจากต้องมีลูกเรือลงสไลด์ไปก่อนเพื่อช่วยผู้โดยสารปลายสไลด์ด้านล่างค่ะ เพราะผู้โดยสารที่กระโดดลงจากสไลด์ขาดสติแทบทุกคน การช่วยด้านล่างสำคัญมากเพื่อให้การสไลด์ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว แต่จะมีใครบ้างที่รู้ว่าการกระโดดสไลด์ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร เช่น การถอดรองเท้าส้นสูงก่อนกระโดด การลงมาเฉพาะตัวโดยปราศจากสัมภาระ ซึ่งบางท่านอาจจะถือสัมภาระมาด้วย ทำให้การอพยพออกจากเครื่องเกิดปัญหาได้ สำหรับขั้นตอนนี้ผู้โดยสารเข้าใจได้ว่าลูกเรือหนีตายก่อน ซึ่งมันเป็นการเข้าใจอันเกิดจากความไม่ทราบถึงขั้นตอนในการทำงานของทีมลูกเรือ 

         2. ลูกเรือหายหัว

          อาจจะเกิดความเข้าใจว่าลงมาแล้วลูกเรือหายไปไหน ขอตอบว่าลูกเรือสองคนสุดท้ายบนเครื่อง ต้องตรวจหาผู้โดยสารที่ยังติดอยู่และพาลงมาให้หมดในทุกเที่ยวบิน เรามีผู้โดยสารป่วยและพิการเดินทางด้วยเสมอ ทีมลูกเรือทั้งหมด 14 คน จะต้องปฐมพยาบาลท่านที่เจ็บก่อนส่วนท่านที่ปลอดภัยดีจะต้องอยู่ห่างจากเครื่องบินอย่างน้อย 200 เมตร ซึ่งหมายความว่า ในกรณีที่มีคนบาดเจ็บ 14 คน ลูกเรือต้องช่วยท่านที่บาดเจ็บก่อน และโชคดีที่เกิดในสนามบิน พนักงานภาคพื้นจะเข้ามารับช่วงการดูแลต่อไป ซึ่งลูกเรือการบินไทยไม่ได้รับอนุญาตจาการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เข้าพื้นที่ได้ ดังนั้น ลูกเรือยังอยู่เฝ้าเครื่องบินและดูแลผู้โดยสารที่บาดเจ็บร้ายแรงในที่เกิดเหตุค่ะ" 

 



เผยวินาทีระทึก เครื่องบินไถลรันเวย์-ผู้โดยสารโวยภาคพื้นดินไม่ดูแล


           ผู้โดยสารเผยวินาทีระทึก เครื่องบินไถลรันเวย์ ชมกัปตันและลูกเรือดูแลอย่างดี สมกับคำรักคุณเท่าฟ้า แต่ภาคพื้นดินไม่ดูแล ไม่ใส่ใจ ลงแพยางเสร็จวิ่งอลหม่าน แถมติด ตม. เพราะบางคนไม่มีพาสปอร์ต ไม่มีเจ้าหน้าที่มาคอยรับ

            โดยเมื่อเย็นวันที่ 9 กันยายน 2556 รายการเจาะข่าวเด่น ช่อง 3 ก็ได้เชิญผู้โดยสารที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว มาเล่าถึงนาทีระทึกได้ให้ฟังกัน
           
           โดย คุณโฆสิต สุวินิจจิต นักธุรกิจชื่อดัง อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เผยว่า ในวันเกิดเหตุกัปตันประกาศว่าวันนี้จะลงจอดไกลหน่อยเพราะมีการซ่อมรันเวย์อยู่ ซึ่งหลังจากนั้นกัปตันก็ค่อย ๆ ลงจอด แต่ตนรู้สึกได้ว่ามันไม่ปกติ เพราะถ้าใครอยู่บนเครื่องบินจะรู้ว่าพอเครื่องร่อนลงพื้นจะมีการเบรกแบบเรารู้สึกได้หนึ่งครั้ง แล้วจากนั้นก็จะค่อย ๆ ชะลอแตะเบรกไปเรื่อย ๆ จนเครื่องหยุดนิ่ง แต่คราวนี้ครั้งแรกกัปตันเบรกแล้ว และก็เบรกย้ำครั้งที่สองเหมือนคอนโทรลไม่อยู่ ซึ่งจังหวะนั้นตนหน้าคะมำ ขาสไลด์ไปข้างหน้า แต่โชคดีที่เซฟตี้เบลท์รั้งตัวไว้ ไม่อย่างนั้นคงไถลออกจากที่นั่งอย่างแน่นอน

         "ช่วงนั้นไม่เห็นอะไรเลย มันมืด แต่คิดว่าเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างแรงเพราะเห็นชิ้นส่วนของเครื่องเป็นโลหะสองอันหลุดออกกระเด็นออกมา ตอนนั้นภาวนาในใจว่าอย่าให้เครื่องกระแทกอะไรละกัน เพราะกลัวเครื่องบินจะระเบิด จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนตะโกนออกมาจากทางด้านหลังว่า ไฟเออร์ ไฟเออร์ แล้วคนไทยก็บอกว่าไฟลุก ๆ ผมนั่งแถวหน้าโซนพิเศษยังไม่เห็นอะไร สักพักเครื่องบินก็หยุด ไฟในเครื่องก็ดับ เปิดเพียงไฟเส้นเพื่อบอกเส้นทาง" นายโฆสิต กล่าว

          ขณะที่ คุณภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดัง เผยว่า ตนนั่งบริเวณหลังปีกเลยเห็นว่าไฟลุกตรงปีกเครื่องบิน ตนตกใจมากและพยายามเอาหมอนมาบังหน้าไว้กลัวเครื่องบินระเบิด จากนั้นพอเครื่องจอดปั๊บ ควันก็เริ่มเข้ามา ทางกัปตันสั่งให้นั่งเฉย ๆ ไว้ก่อน แต่มันเฉยไม่ได้เพราะเรากลัว ตนเห็นไฟลุกตรงปีกแบบสว่างวาบเลย คนก็กรูไปทางประตูฉุกเฉิน โกลาหลมาก

          ด้านคุณโฆสิต กล่าวเสริมว่า ตนว่ากัปตันทำได้ดีมาก เพราะค่อย ๆ เหยียบเบรกย้ำ ๆ ไม่เบรกทีเดียว ไม่อย่างนั้นเครื่องอาจจะตีลังกาได้ สักพักพอเครื่องนิ่งสนิท ตนก็ได้กลิ่นควัน ทางกัปตันก็เปิดประตูฉุกเฉินทางฝั่งซ้ายทันที แล้วบอกว่าให้ถอดรองเท้าสไลด์ตัวลงมาข้างล่าง จากนั้นพอลงแพยางได้ให้วิ่งไปให้ไกลที่สุด

          "หลังสิ้นเสียงสจ๊วต คนก็แย่งกันลง เพราะมีคนจีนเดินทางมาด้วยเขาฟังอังกฤษไม่ออก ฟังไทยไม่รู้เรื่อง เมื่อลงไปถึงมันวิ่งไปแบบที่สจ๊วตบอกไม่ได้ ตอนแรกผมคิดว่าแพยางก็เหมือนเล่นสไลด์เดอร์ คือไถลลงมาแล้วลุกวิ่งตามที่สจ๊วตบอกได้เลย แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ เพราะมันเป็นยางแพไถลลงมาเสร็จขาก็ชี้ฟ้าไปชนกับคนข้างหน้า คนข้างหลังมาถึงก็ชนผมอีกหลาย ๆ ชั้น ผมต้องผลักคนข้างหน้าขึ้น แล้วค่อย ๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นมา แต่กว่าจะลุกมาได้ก็โดนทับไปเต็มเหนี่ยวเหมือนกัน แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็โกลาหล วิ่งออกมาให้สักพักควันก็ท่วมเครื่องบิน ซึ่งมันไม่เหมือนในหนังที่เคยดูเลย ที่พอเมื่อเราเสี่ยงตายจากเครื่องบินจะไฟสว่าง มีรถมารับ มีเจ้าหน้าที่มาดูแล แต่นี่ลงมามืดตึ๊บ คนวิ่งกันกระจัดกระจาย มีเพียงรถดับเพลิงที่จอดอยู่เท่านั้น" คุณโฆสิต กล่าว

           ทางด้านคุณภาณุวัฒน์ เล่าเพิ่มเติมว่า บริการในเครื่องบินรักคุณเท่าฟ้าจริง ๆ ดูแลดีมาก แต่พอลงจากเครื่องปุ๊บภาคพื้นดินไม่ได้ดูแลอะไรเราเลย ลงมาก็เจอหญ้ารองเท้าก็ไม่มี วิ่งกันมาแบบมืด ๆ ล้มบ้างชนกันบ้าง สักพักก็ให้เราไปอยู่บนรถบัส อยู่แบบนั้น 20 นาที ออกก็ไม่ได้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่รู้ให้อยู่ทำไม  ส่วนนายโฆสิต กล่าวเสริมว่า อย่างน้อยน่าจะมีเจ้าหน้าที่มาดูแลในรถสักคนหนึ่ง แล้วก็มีวอติดต่อว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

            ด้าน นายจิตร ขาวโต ผู้บาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ตนได้รับบาดเจ็บเพราะถูกกระแทกต้องบล็อกหลัง ตอนแรกพยาบาลไม่ให้ออกจากโรงพยาบาล แต่เพื่อน ๆ ชวนกันมาเรียกร้องความเป็นธรรมโดยหลังจากที่ตนถูกกระแทกก็ลุกไม่ไหว มีเจ้าหน้าที่บอกว่าให้คนนั่งอยู่ตรงนั้นก่อน ตนก็รอสักพัก ต่อมาก็มีพยาบาลมารับตัว แบบหิ้วปีกตนขึ้นเลยไม่มีการปฐมพยาบาลใด ๆ เบื้องต้น แล้วตนก็เป็นห่วงเพื่อนก็กลัวหาไม่เจอ

           นายโฆสิต กล่าวว่า ก็เป็นจริงอย่างที่เพื่อนบอก คือหากันไม่เจอ เราก็หากันใหญ่ ติดต่อก็ไม่ได้ แต่มีคนบอกว่าเห็นจิตรไปโรงพยาบาลแล้วก็โล่งใจ...

           "พอหลังจากลงรถบัส ทุกอย่างก็โกลาหลอีก เพราะต้องผ่าน ตม. เช็กพาสปอร์ต ซึ่งของบางคนมันอยู่บนเครื่อง บางคนก็ปวดขาปวดหลังแต่ก็ต้องผ่าน ตม. ก่อนทุกคน เจ้าหน้าที่ก็สื่อสารภาษาจีนไม่ได้ มีไกด์แค่คนเดียวทุกอย่างมันก็เลยวุ่นวาย พอเข้า ตม. ไปได้ ต้องเอาบัวหิมะที่เพิ่งซื้อมาทาแผลฟกช้ำกันไปก่อน นวดกันตรงนั้นเลย เพราะไม่มีรถพยาบาลมาดูแลเราแบบที่เป็นข่าว ไม่มีแม้เจ้าหน้าที่เอาน้ำมาเสิร์ฟให้ดื่ม หรือมาพูดคุยใด ๆ เลย" คุณภาณุวัฒน์ กล่าว

          นอกจากนี้ คุณโฆสิต ยังกล่าวว่า อุบัติเหตุมันเลือกเกิดไม่ได้ ตนคิดว่าควรจะเตรียมความพร้อม 24 ชั่วโมง เพราะอย่างที่เห็นคนกะกลางคืนน้อยกว่ากลางวัน และอย่าลืมว่าสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินนานาชาติ น่าจะมีล่ามมาแปลให้ด้วย มันไม่ยากเลยแค่ดูว่าเวลาไหนมีไฟลท์ไหนเข้า ไฟลท์ไหนออก ก็เตรียมล่ามสแตนบายเอาไว้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพวกเราทั้งหมดช่วยเหลือตัวเองทั้งนั้น

          นายภาณุวัฒน์  กล่าวต่อว่า ตนอยากจะขอความเป็นธรรม อยากจะให้ใส่ใจลูกค้ามากกว่านี้ แต่ทั้งนี้ตนขอชื่นชมพนักงานในเครื่องและกัปตัน ทุกคนทำตามกฎเกณฑ์ดีมากดูแลเราเป็นอย่างดี สมกับคำที่ว่ารักคุณเท่าฟ้า แต่ภาคพื้นดินนี่ไม่รักเราเลย ส่วนที่ข่าวว่าเปิดประตูฉุกเฉินให้โซนพิเศษลงก่อนก็ไม่ใช่ เพราะเปิดพร้อม ๆ กันหมด 

          ขณะที่ นายจิตร กล่าวปิดท้ายว่า ตนอยากให้การบินไทยออกมารับผิดชอบ แค่ขอโทษหรืออะไรบ้างก็ได้ เพราะคนต่างชาติเยอะ และเมื่อเกิดเหตุก็เสียขวัญกันหมด แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่มาปลอบใจหรือให้กำลังใจอะไรเลย ไปโรงพยาบาลก็ไม่มีใครมาดู เหมือนโดนปล่อยเกาะ  ส่วนเรื่องแถลงข่าวก็พูดแค่เครื่องเป็นอะไร ไม่ได้พูดถึงผู้โดยสารที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวเลย..

 

 

 

 

 

 

 
 
 
 
 
ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X