อัพเดทชีวิต โต ซิลลี่ฟูล หรือ วีรชน ศรัทธายิ่ง อดีตร็อคเกอร์ชื่อดัง หลังประกาศแขวนไมค์ มาสนใจศาสนาและการกลับมาอีกครั้งในบทบาทของพ่อค้าขายเนื้อ

          สำหรับ โต ซิลลี่ฟูล หรือ วีรชน ศรัทธายิ่ง หรือ บังโต อดีตนักร้องเพลงร็อคชื่อดังระดับตำนานของเมืองไทย ที่เคยประกาศหันหลังให้กับวงการเพลงและหันหน้าไปสนใจทางธรรมในบทบาทของครูสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งนั่นก็ผ่านมานานเกือบ 10 ปีและในตอนนี้เขาก็ได้กลับมาอีกครั้งในบทบาทใหม่ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจอีกเช่นเคย

          โดยล่าสุด (15 กรกฎาคม 2558) รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ได้พาทุกคนไปอัพเดทชีวิตของโต วีรชน ในมาดของพ่อค้าขายเนื้อ ซึ่งเป็นธุรกิจอาหารภายใต้แบรนด์ Company B ที่จำหน่ายเนื้อวัวเจ้าแรกในประเทศไทย

          โต วีรชน เผยว่า ที่ทำธุรกิจนี้เพราะต้องการโปรโมทความเป็นไทยว่า ไทยก็สามารถผลิตเนื้อขายได้ไม่แพ้ชาติอื่น ๆ ซึ่งคำว่า Company B ตัว B มาจากคำว่า Barakah ซึ่งเป็นภาษาอาหรับ หมายความว่า พระพรของพระเจ้า นั่นคือการที่เราต้องทำธุรกิจที่ดีเที่ยงตรงจึงจะได้สิ่งที่ดี ๆ มา

          "หากพูดถึงเนื้อวัวของไทยต้องมีการนำมาพัฒนา คือการทำ Dry Age (การนำเนื้อมาแขวนตากอากาศในตู้เย็นขนาดใหญ่ที่เย็นเฉียบ โดยมีการคุมความชื้นและการไหลเวียนของอากาศอย่างดี เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เป็นต้นไป เพื่อให้น้ำส่วนเกินระเหยออก) ก็จะได้เนื้อที่แดงมีลายสวยงาม รสชาติหวานและนิ่มกว่าปกติ เป็นสูตรจากฝรั่งเศสที่เรานำมาพัฒนาให้มีรสชาติและความนุ่มสู้ได้" โต วีรชน กล่าว

          สำหรับเนื้อที่ Company B นำมาขายจะเป็นเนื้อในส่วนที่เป็น Prime Cut ซึ่งมีให้เลือกถึง 3 ส่วน คือ

 1. Rib Eye คนจะชอบนำไปรับประทานมาก
 2. Striploin หรือเนื้อสันนอก เหมาะสำหรับคนที่ดูแลรูปร่างเพราะไขมันน้อย
 3. Tenderloin หรือเนื้อสันใน และยังจัดจำหน่าย Baby lamb ซึ่งก็คือ เนื้อลูกแกะสด ๆ อีกด้วย

          นอกจากงานขายเนื้อแล้ว โต วีรชน เผยว่า งานหลัก ๆ อีกงานคือ การเผยแพร่ศาสนาไปบรรยายตามมหาวิทยาลัยและสถานที่ต่าง ๆ ที่เชิญให้ไปบรรยาย "ทุกวันนี้ผมบอกกับตัวเองทุกเช้าว่า วันนี้เราอาจจะตายได้ เพราะฉะนั้นเราเข้าใจจุดหมายของชีวิตหรือยัง หรือเราแค่อยู่ไปเรื่อย ๆ ทุกวันนี้เราอยู่เพื่อเงิน เพื่ออำนาจ หรือเราอยู่เพื่ออะไร เพราะสุดท้ายทุกคนก็ต้องสิ้นลม และเมื่อเราสิ้นลมทั้งเงิน อำนาจ ความสวยงามเราก็ไม่มี" โต วีรชน กล่าว

          โต วีรชน เผยว่า แฟนคลับก็ยังมีติดต่อกันบ้างในแฟนเพจ บางคนก็บอกให้กลับไปร้องเพลงอีกแต่เราบอกว่าไม่ ตอนนี้ยังจำเนื้อเพลงไม่ได้เพราะถ้าทิ้งวงการเพลงแล้วก็คือทิ้งเลย ส่วนจุดเปลี่ยนในครั้งนั้นเพราะเมื่อก่อนเรามีเวลาเยอะ ทัวร์ปีละเกือบ 300 โชว์ ในแต่ละครั้งก็ต้องไปอยู่ในห้องที่โรงแรมประมาณ 7-8 ชั่วโมง ทำให้มีเวลาคิดว่าเราอยู่เพื่ออะไร ทำเงินแล้วได้อะไรต่อไป อีกอย่างมันก็เริ่มซ้ำ ๆ ซาก ๆ กระบวนการในการผลิตเพลง เข้าห้องอัด การโปรโมทและคอนเสิร์ต เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนแก่ แล้วคนก็ลืม และหากถามว่าทำไมถึงมาเปิดร้านเนื้อ เพราะเมื่อก่อนเป็นคนชอบกินเนื้อ และอยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ส่วนครอบครัวตอนนี้ก็มีความสุขอยู่กับลูก ๆ 3 คน

http://women.kapook.com