ฟอร์บส์เผย บิล เกตส์ ครองแชมป์มหาเศรษฐีรวยที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 2 ล้านล้านบาท

          เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2556 เว็บไซต์ฮัฟฟิงตันโพสต์ของอังกฤษ รายงานว่า นิตยสารฟอร์บส์ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับมหาเศรษฐีชาว อเมริกันที่ร่ำรวยที่สุด ประจำปี 2013 โดยผลปรากฏว่า บิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์คว้าแชมป์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2 ล้านล้านบาท)

          สำหรับผลการจัดอันดับครั้งนี้ได้ทำการสำรวจมหาเศรษฐีในสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น 400 คน โดยพบว่า มีมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยด้วยตนเอง 273 คน ขณะที่มีมหาเศรษฐีที่ได้รับมรดกมา 71 ราย และอีก 56 รายได้รับมรดกมาบางส่วนและบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจริญเติบโต อย่างไรก็ตามอันดับดังกล่าวไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงจากปีที่ผ่านมามากนัก ขณะที่ 10 อันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในสหรัฐฯ ประจำปีนี้ ได้แก่

          อันดับ 1 บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ซึ่งยังคงรักษาแชมป์มาได้ร่วม 20 ปี ด้วยทรัพย์สิน 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 66,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 


 

          อันดับ 2 วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซีอีโอของ บริษัท เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สิน 58,500 เหรียญสหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 46,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 

 

          อันดับ 3 แลร์รี เอลลิสัน ซีอีโอ ออราเคิล คอร์ปอเรชัน ยักษ์ใหญ่ด้านซอฟท์แวร์ลำดับ 3 ของสหรัฐฯ รองจากไมโครซอฟท์และไอบีเอ็ม ก็ยังคงรักษาอันดับเอาไว้ได้ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 41,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

          อันดับ 4 และ 5 ได้แก่ ชาร์ลส์ คอช และ เดวิด คอช นักธุรกิจชาวอเมริกัน เจ้าพ่อธุรกิจด้านพลังงานของบริษัท Koch Industries ด้วยทรัพย์สิน 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 31,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

          อันดับ 6-9 เป็นของทายาทวอลมาร์ท ได้แก่ คริสตี วอลตัน, จิม วอลตัน, อลิซ วอลตัน และ เอส ร็อบสัน วอลตัน ด้วยทรัพย์สิน 35,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 33,300 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

          อันดับ 10 ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก มหาเศรษฐีเจ้าของสถานีโทรทัศน์และสื่อด้านการเงินระดับโลกอย่างบลูมเบิร์ก ด้วยทรัพย์สิน 31,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ



          ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ระบุด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตอย่างยิ่งที่มหาเศรษฐีส่วนใหญ่มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากพวกเขาถือครองทรัพย์สินในรูปของหุ้น เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราภาษีที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา