ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยให้มีการขึ้นทะเบียนในแต่ละจังหวัด ซึ่งมีสิทธิได้รับเงินทุนอุดหนุน แต่หากมีการดัดแปลงในลักษณะหมิ่นสถาบัน-ศาสนา-ความมั่นคง มีโทษสูงสุดทั้งจำทั้งปรับ
 
          เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2556 ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า คณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. ... เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรม หรือคุ้มครองการใช้ประโยชน์จากวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เช่น ภาษา การแสดง การดนตรี พิธีกรรม ประเพณี เทศกาล และงานช่างฝีมือ เป็นต้น
 
          โดยร่าง พ.ร.บ. นี้ มีหลักการสำคัญ คือ กำหนดให้มีการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในแต่ละจังหวัด ซึ่งจะมีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม รวมทั้งมีบทลงโทษ โดยมาตรา 40 ระบุว่า หากมีการนำมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ซึ่งขึ้นทะเบียนแล้ว ไปเผยแพร่ในลักษณะหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบกระเทือนศาสนา และความมั่นคงของประเทศ หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
          นอกจากนี้ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม มีสิทธิเชิญบุคคลมาให้ข้อเท็จจริง หรือ ความเห็นทางวิชาการได้เมื่อเห็นสมควร โดยหากผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 

 
          ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า ใน มาตรา 5 ของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ยังระบุว่า มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้นี้ ต้องมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วิชาการ ศิลปะ คุณค่าทางจิตใจ หรือผลงานควรค่าแก่การรักษาไว้ และต้องมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
 
           1. วัฒนธรรมทางภาษาและการสร้างสรรค์ทางภาษา รวมทั้งการแสดงออกโดยใช้ภาษาเป็นสื่อถ่ายทอด

           2. ศิลปะการแสดงและการดนตรี

           3. การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และประเพณีหรือเทศกาล

           4. ความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล

           5. ผลงานซึ่งเป็นงานช่างฝีมือดั้งเดิม

           6. มีลักษณะอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
 
          ขณะที่สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ เผยว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะคุ้มครองมรดกวัฒนธรรม ใน 7 สาขา ได้แก่ ศิลปะการแสดง งานช่างฝีมือดั้งเดิม วรรณกรรมพื้นบ้าน กีฬาภูมิปัญญาไทย แนวปฏิบัติทางสังคมพิธีกรรมและงานเทศกาล ความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล และด้านภาษา โดยมีการตั้งคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ทั้งในระดับชาติและระดับจังหวัด เพื่อจัดทำทะเบียนจังหวัดในการขึ้นทะเบียนของชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายของ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฝรั่งเศส และโรมาเนีย
 
          ซึ่งหลังจากนั้น เมื่อไทยเข้าเป็นอนุสัญญาภาคี ก็จะสามารถจัดทำทะเบียน และจัดตั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงในการคุ้มครองการดำเนินมาตรการทางกฎหมาย รวมทั้งเสนอรายการที่เป็นตัวแทนของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เป็นต้น
 
          อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้มาตั้งแต่ปี 2552 มีมรดกภูมิปัญญาพื้นบ้านขึ้นทะเบียนแล้ว 218 รายการ ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะนำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการกฤษฎีกา และสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม