กรมควบคุมโรค เตรียมจัดซื้อขนาดถุงยางอนามัยขนาด 54มม. เพิ่มมากขึ้น หลังจากพบว่า ชายไทยรุ่นใหม่อายุไม่เกิน 30ปี มีขนาดอวัยวะเพศเพิ่มขึ้น หากต้องใช้ขนาดเดิมจะรู้สึกอึดอัด และไม่อยากใช้

นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเพิ่มขนาดของถุงยางอนามัยจาก 2 ขนาด เป็น 3 ขนาด คือ 49 มม. 52 มม. และ 54 มม. เพื่อตอบสนองเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ 

เนื่องจากปัจจุบันคนไทยที่สูงเกิน 170 ซม. น้ำหนักเกิน 70 กก. มีจำนวนมากขึ้น ไม่สามารถใช้ถุงยางอนามัยขนาดเดิม คือ 49 มม. และ 52 มม. ได้อีกแล้ว ดังนั้นคนไทยวัยไม่เกิน 30 ปีต้องใช้ถุงยางอนามัยขนาดที่ใหญ่ขึ้น คือ 54 มม. เพราะถ้าใช้ขนาดเล็กอาจรัดอวัยวะเพศเกินไป จนทำให้อึดอัดและไม่อยากใช้

อธิบดีกรมควบคุมโรค คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2555 - 2559 จะมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มขึ้น 43,000 ราย ดังนั้นจึงต้องใช้เพิ่มการเข้าถึงถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ กับบุคคลที่ไม่ใช่คู่ของตนเองให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และรณรงค์ให้ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมาตรวจเลือด ซึ่งหากติดเชื้อจะได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ และไม่ผู้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น

ปัจจุบันความต้องการใช้ถุงยางอนามัยทั่วประเทศ อยู่ที่ปีละประมาณ 230 ล้านชิ้น แต่ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. สามารถสนับสนุนได้เพียง 40 ล้านชิ้น ส่วนที่เหลือประชาชนซื้อใช้เอง และไม่ใช้ถุงยางอนามัย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาเครือข่ายสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น องค์กรภาครัฐ และเอกชน 

อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่า งบประมาณการสนับสนุนถุงยางอนามัย เป็นการลงทุนที่น้อยมาก เพราะหากติดเชื้อเอชไอวีต้องใช้เงินมากในการรักษาตนเองไปตลอดชีวิต รัฐบาลต้องเสียงบประมาณเพื่อการรักษามากมายหลายเท่า

ที่มา  www.sanook.com