จากกรณีพบเหตุปลาตาย บริเวณหาดตากวน ต.มาบตาพุด จ.ระยอง จำนวนมาก โดยมีซากปลาเกลื่อนเต็มชายหาด เป็นระยะทางประมาณ 700 เมตร น้ำทะเลมีตะกอนสีแดงกระจายอยู่ในมวลน้ำ นั้น

  ล่าสุดวันที่ 16 มีนาคม นายศุภวัตร กาญจน์อติเรกลาภ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ระยอง) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ สอบถามข้อมูลจากชาวประมงหาดตากวน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พบปลาตายขึ้นเกยชายหาดเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2559 ซึ่งเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นในช่วงนี้ทุกปี นอกจากนี้ยังพบปลาตายในลำคลองใกล้จุดเกิดเหตุตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดยบริเวณนี้เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยแมลงภู่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

   อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทำการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลบริเวณหาดตากวนจำนวน 3 สถานี ได้แก่ สถานีหาดตากวน 1 2 และ 3 เพื่อนำมาวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคุณภาพน้ำเบื้องต้นทั้ง 3 สถานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 3 เพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ยกเว้นค่าความเป็นกรด-ด่าง มีค่าสูงกว่าเกณฑ์ และทำการเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำที่ตายบริเวณชายหาดเพื่อหาสาเหตุการตายต่อไป

  “ส่วนสาเหตุที่ปลาตายอาจเกิดจากการสะพรั่งของแพลงก์ตอนพืชกลุ่มไดอะตอม สกุล Skeletonema ซึ่งพบเป็นจำนวนมาก ซึ่งแพลงก์ตอนพืชชนิดนี้ยังไม่มีรายงานว่ามีการสร้างสารชีวพิษ แต่เมื่อเกิดการสะพรั่งจะพบว่ามีออกซิเจนสูงในเวลากลางวันจากการสังเคราะห์แสง ในขณะที่เวลากลางคืนจะดึงก๊าซออกซิเจนไปใช้ทำให้ออกซิเจนในน้ำต่ำลงมาก” นายศุภวัตร กล่าว

  ด้าน นส.เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า ไม่เคยเห็นปลาตายมากมายมหาศาลขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปลาสลิดหินเป็นปลาที่ค่อนข้างอดทน และตายยากมาก จึงไม่เชื่อว่า จะเกิดจากปรากฏการธรรมชาติ อย่างเรื่องการสร้างสารพิษจากแพลงตอน ที่สำคัญคือ ได้ข้อมูลเพิ่มมาว่า พบว่าบริเวณคลองชากหมาก ซึ่งเป็นลำคลองที่จะรับน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงงานอุตสาหกรรม แล้วจะไหลลงทะเล นั้นมีสีผิดปกติ

  “ที่บอกว่า กรณีแพลงตอนเป็นพิษ เหตุให้ปลาตายแบบนี้ทุกปีก็มีจริง แต่ไม่ใช่ที่มาบตาพุดแน่นอน เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณนิเวศจะลงไปเก็บตัวอย่างน้ำที่คลองชากหมากมาตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย ว่า มีการปนเปื้อนของอะไรหรือไม่”นส.เพ็ญโฉม กล่าว

ที่มา มติชนออนไลน์