"Spy" : เมื่อมี เมลิสซ่า แม็คคาร์ธี่ ความฮาจึงบังเกิด! (2)
2015-06-08 15:05:40
Advertisement
คลิก!!!

สายลับในมโนสำนึกของคุณเป็นแบบไหน แต่ละคนคิดต่างกันแน่ แต่หลักๆ แล้วก็ต้องดูแคล่วคล่อง ทะมัดทะแมง แข็งแรง กำยำ ทั้งหมดไม่ใช่ "ซูซาน คูเปอร์" ซึ่งไม่ใช่ความผิดของเธอ เพราะงานใน CIA ของเธอคือนักวิเคราะห์ ที่จับพลัดจับผลูต้องออกฟิลด์ ตะลุยงานสายลับ และแทรกซึมเข้าไปอยู่ในเครือข่ายค้าอาวุธ เมื่อเพื่อนร่วมงานของเธอ (จู๊ด ลอว์) หายสาบสูญ ขณะที่ยอดสายลับอีกคน (เจสัน สเตแธม) ถูกเปิดเผยตัว พร้อมภารกิจป้องกันไม่ให้หายนะระดับโลกเกิดขึ้น

    เจสัน สเตแธม รับบท "ริค ฟอร์ด" ผู้คิดว่าตัวเองกล้าท้าประลองกับทุกคน ที่มาพร้อมรูปลักษณ์แบบแรมโบ้ผสมกับคลูโซ (ตัวละครตำรวจใน Pink Panther) เขาเป็นตัวแทนของคำว่า กล้าหาญ ไม่กลัวใคร และไม่รู้เรื่องอะไรเลย ความมั่นใจของฟอร์ดนั้นล้ำหน้าเกินความสามารถไปหลายขุม

    เรย์นา (โรส เบิร์น) และ เด ลูกา (บ็อบบี้ แคนนาวาล) รู้ตัวตนที่แท้จริงของฟอร์ด แต่สายลับผู้ดื้อรั้นก็โกรธจัดอยู่ดีที่อีเลนตัดสินใจส่งซูซานไปแทนเขา ฟอร์ดประท้วงด้วยการลาออกจากซีไอเอและไม่ขึ้นกับกฎระเบียบอีกต่อไปด้วยความตั้งใจที่จะเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วยตัวของเขาเอง

    พอล ฟีก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยากเป็นสตั๊นต์แมนก็เป็นแฟนหนังของสเตแธม เช่นเดียวกับบทแนนซี ที่ มิแรนดา ฮาร์ต เล่น เขาได้ปรับบทฟอร์ดให้เข้ากับตัวนักแสดง เมลิสซ่า แม็คคาร์ธี่ กล่าวว่า "ตัวละครริค ฟอร์ด ที่เจสันเล่นจะทำให้คุณตะลึงไปเลย เขาเป็นคนต่อต้านสังคม แต่เจสันรับบทนี้ด้วยความเชื่อมั่นจริงจัง เขาไม่ขยิบตาให้กล้องหรือทำให้มันเป็นเป็นเรื่องล้อเล่นซึ่งทำให้มันขำสุดๆ ไปเลยล่ะ"

    หลังจากแนนซีและฟอร์ดเข้ามาพัวพันในภารกิจของซูซาน ผู้บุกรุกอีกคนก็เข้ามา - อัลโด (ปีเตอร์ เซราฟิโนวิช) คนขับรถผู้ช่างพูดและเจ้าชู้ของซูซาน อัลโดหลงรักซูซานแต่แรกเห็น ทว่าเขาแสดงความปรารถนาต่อซูซานได้ด้วยเพียงการทำตัวเป็นเสือผู้หญิงเท่านั้น

    ทีมงานในหนังเรื่องนี้มีนักแสดงหลายคนซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งในทีมงานประจำของฟีก ทั้ง เจมี เดนโบ, เจสซิกา แชฟฟิน และ เคที ดิพโพลด์ รวมถึง "หน้าใหม่ในทีมงานของฟีก" อย่าง เคอร์ติส แจ็คสัน หรือ "50 Cent" ดาราบอลลีวู้ดที่เกิดในอเมริกา นาร์กิส ฟาครี และนักแสดงเก่าจาก "The West Wing" แอลลิสัน แจนนีย์ กับบทบาทของผู้คุมทีมงาน CIA อีเลน คร็อกเกอร์ ที่ใส่ใจกับการดูแลให้สายลับของเธอมีชีวิตรอด พร้อมกับหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับซูซานโดยตรง เพราะเธอเชื่อว่าซูซานเป็นโรคตาแดง

    จู๊ด ลอว์ กำลังวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดในชั้นใต้ดินลึกลงไป 25 ฟุต นี่เป็นวันแรกของการถ่ายทำ นักแสดงและทีมงานมารวมตัวกันอยู่ในเขาวงกตหินปูนยาวราว 23 ไมล์ เบื้องล่างโรงกลั่นเบียร์ในบูดา ฮังการี ตัวละครที่จู๊ดรับบท แบรดลีย์ ไฟน์ กำลังพยายามหลบหลีกแก๊งโจรติดอาวุธโดยอาศัยข้อมูลที่ส่งผ่านหูฟังจาก ซูซาน คูเปอร์ ในแลงค์ลีย์ ห่างออกไป6,000 ไมล์จากสถานที่เกิดเหตุการณ์ ไฟน์ใส่คอนแท็คเลนส์พิเศษของ CIA ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกล้องซึ่งคอยส่งภาพกลับไปยังคูเปอร์ (ผู้กำกับภาพ โรเบิร์ต โยแมน ใช้กล้อง GoPro ขนาดเล็กเพื่อจำลองภาพที่ส่งมาจากกล้องคอนแทคเลนส์นี้ เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นว่าซูซานมองอะไรอยู่บนจอมอนิเตอร์)

    การปะทะที่ไม่ธรรมดายิ่งกว่านี้เกิดขึ้นในช่วงหลังของสัปดาห์เดียวกันที่ครัวร้านอาหารในบูดาเปสต์ ซึ่งซูซานและนักฆ่า (นาร์กิส ฟาครี) ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยผลไม้ ผัก ขาไก่งวง และเครื่องครัว เพอร์รีกับทีมสตั๊นต์ใช้เวลานานหลายสัปดาห์ในการออกแบบท่าทางการต่อสู้และฝึกซ้อม รวมถึง "สร้างภาพจำลองล่วงหน้า" ของการต่อสู้ครั้งนี้ในคอมพิวเตอร์ อาหาร หม้อ และกระทะปลิวกันให้ว่อน ขณะที่รอยฟกช้ำตามตัวแม็คคาร์ธี่และฟาครีก็เพิ่มขึ้นในแต่ละเทก

    สัปดาห์ถัดมากองถ่ายย้ายออกไปนอกกรุงบูดาเปสต์ห่างออกไปครึ่งชั่วโมงที่โรงไฟฟ้ายุคทศวรรษ 1930 ซึ่งมีรูปลักษณ์สะดุดตาและมีห้องควบคุมที่นักออกแบบงานสร้าง เจฟเฟอร์สัน เซจ เทียบกับ "หอบังคับการยานอวกาศสุดเก๋ใน "Flash Gordon" ด้วยเพดานสเตนกลาสรูปวงรีและแผงควบคุมเรียงเป็นแถวๆ มันดูย้อนยุคและล้ำอนาคตในเวลาเดียวกัน

    สถานที่ถ่ายทำลำดับต่อไปเป็นโครงสร้างเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมได้ที่และมีชื่อว่าตึก Express Building มันตั้งอยู่ตรงข้ามสถานทูตอเมริกันที่อีกฟากหนึ่งของสวนสาธารณะ รูปปั้นเรือและเครื่องหมายด้านการเดินเรือภายนอกอาคารอายุ 130 ปีแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงสถานะดั้งเดิมในฐานะโกดังส่งของแหล่งสำคัญสำหรับการสัญจรทางเรือในแม่น้ำดานูบที่อยู่ติดกัน

    หลังการถ่ายทำผ่านไปได้สองวัน กองถ่ายก็ย้ายไปยังร้าน Gundel ร้านอาหารในตำนานของบูดาเปสต์ ซึ่งมีผู้นำระดับโลก พระสันตะปาปา และเชื้อพระวงศ์เดินทางมาเยือนตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่ฉากหลังเป็นเสาหินอ่อนและวงออร์เคสตราเครื่องสาย วันถัดมาในฉากที่ถ่ายทำตามถนนย่านการค้าอันหรูหราของบูดาเปสต์ ซูซานซื้อชุดราคาแพงเพื่อเตรียมเข้าไปสืบ เด ลุกกา ในกาสิโนหรูหราที่โรม ชุดสีดำวาวนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากชุดปอนๆ และวิกผมเชยๆ ที่เธอใส่เมื่อปลอมตัวในรูปแบบอื่นๆ

    เดือนเมษายน (2557) กองถ่ายก็ย้ายไปยังสถานที่สำคัญของบูดาเปสต์ที่ชื่อพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วรรณา (Ethnographic Museum) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนกับรัฐสภา โครงสร้างอันสวยงามนี้ทำหน้าที่เป็นทั้งฉากภายในและภายนอกของ "คลับโนแมด" สถานที่เต้นรำสุดฮิพของเหล่าคนหนุ่มสาวในเมืองนี้ ที่ฉากนี้เองตัวละครในเรื่องมาพบกันท่ามกลางฝูงชนในคลับราว 500 คนที่กำลังสนุกกับคอนเสิร์ตโดย เคอร์ติส แจ็คสัน หรือ "50 Cent"

    ต่อมาเดือนพฤษภาคม กองถ่ายก็ย้ายไปฉากภายในที่หรูหราไม่แพ้กันที่โรงแรม Four Season"s Gresham Palace ในบูดาเปสต์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่หรูหราที่สุดในยุโรป มันสร้างขึ้นเมื่อปี 1906 และเสียหายในปี 1944 เมื่อฝ่ายนาซี ซึ่งกำลังถอนกำลังทหารได้ระเบิดสะพาน Chain Bridge แล้วมันผ่านการบูรณะมาหลายทศวรรษ โดย The Four Seasons ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการซ่อมแซมตัวอาคารรวมถึงชิ้นงานโมเสก โดยใช้วัสดุจากเวนิซผสมผสานกับวัสดุดั้งเดิม และเปิดเป็นโรงแรมหรูในปี 2004

    เมื่อผ่านไปได้ราวครึ่งทางของตารางการถ่ายทำนาน 12 สัปดาห์ กองถ่ายก็ได้ย้ายไปยังทะเลสาบ Balaton อันงดงาม มันตั้งอยู่ห่างจากบูดาเปสต์เป็นระยะขับรถราวชั่วโมงครึ่ง วิลลาริมทะเลสาบสองแห่งทำหน้าที่เป็นสถานที่ถ่ายทำอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี แห่งแรกซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งทางทิศเหนือของทะเลสาบถูก "จัดฉากตามเรื่อง" ให้อยู่บนทะเลดำในบัลแกเรีย ที่ซึ่งไฟน์ต้องหลบหนีมือปืนหลังปฏิบัติภารกิจล้มเหลวและต้องหาทางไปยังเรือสปีดโบ๊ตที่ใช้หลบหนี ส่วนวิลลาแห่งที่สองซึ่งหรูหรายิ่งกว่านั้นรับบทเป็นตัวมันเอง และตั้งอยู่ห่างออกไป 40 นาทีใกล้หมู่บ้าน Balatonfured ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว

    ทีมทำหนังลาดตระเวนทางอากาศโดยรอบพื้นที่ทะเลสาบเพื่อสำรวจพื้นที่แห่งนี้ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เหนือสนามหญ้าอันสวยงามกว้างหลายเอเคอร์และเป็นแนวลาดไปยังชายฝั่ง วิลลายุคศตวรรษที่ 19 นี้เคยเป็นโรงแรมก่อนกลายมาเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ประตูหน้าเปิดสู่ทางบันไดขนาดใหญ่ที่เหมาะสมกับเชื้อพระวงศ์ หรือในกรณีนี้ก็คือเด ลุกกา ซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ในเวลาที่ไม่ได้ไปเยือนกาสิโนในอิตาลี

คฤหาสน์อันกว้างขวางนี้ใช้เป็นฉากในการลงจอดและการบินขึ้นของเฮลิคอปเตอร์ในฉากไคลแมกซ์ฉากหนึ่งของหนัง ที่สนามหญ้าด้านหน้าอันกว้างใหญ่ เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่นักแสดงหลักทั้งหมดมาเล่นในฉากเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น เมลิสซ่า มิแรนดา, โรส จู๊ด เจสัน ปีเตอร์ และ 50 Cent ทะเลสาบอันงดงาม แสงแดดสดใส และความรื่นเริงจากการที่ทุกคนได้มารวมตัวกันช่วยให้การทำงานครั้งนี้มีบรรยากาศเหมือนค่ายฤดูร้อน ทีมนักแสดงโพสท่าเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและยินดีที่ได้มีโอกาสมาพบปะพูดคุยกัน

    เมื่อความสนุกสนานและแสงแดดที่ส่องอยู่บนทะเลสาบ Balaton ผ่านพ้นไปแล้ว นักแสดงและทีมงานก็กลับไปยังบูดาเปสต์เพื่อเริ่มถ่ายทำฉากแอ็กชั่นที่ซับซ้อนและชอตเฮลิคอปเตอร์ที่ต้องใช้ฉากเขียวในโรงถ่ายและลานถ่ายทำภายนอกสตูดิโอ Fot และ Origo โดยที่สตูดิโอแห่งหลังนี้เอง เมลิสซ่า แม็คคาร์ธี่ จะต้องห้อยตัวสูง 15 ฟุตจากพื้น เกาะขา เจสัน สเตแธม ซึ่งเกาะอยู่กับส่วนลงจอดของเครื่องเฮลิคอปเตอร์อีกที ฉากเฮลิคอปเตอร์เป็นตอนสำคัญตอนหนึ่งในหนังและต้องอาศัยการทำงานของกองสองเพิ่มอีกหนึ่งสัปดาห์จึงสำเร็จลงได้

    แม็คคาร์ธี่ และ โรส เบิร์น เปลี่ยนโหมดมาสู่รูปแบบที่หรูหรากว่าของการเดินทางทางอากาศในการถ่ายทำฉากบนเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเรย์นา ซึ่งสมบูรณ์พร้อมด้วยสไตล์ที่เป็นตัวเธออย่างเต็มที่ ซึ่งก็คือผ้าบุลายเสือดาวที่ดูเตะตาและวอลเปเปอร์สีแดงทองของ Versace ด้วยความที่เติบโตมากับความน่าเบื่อหน่ายในโรม เรย์นาได้ฉกตัวเพื่อน "ตัวตลกบัลแกเรียผู้เศร้าสร้อย" ไปยังบูดาเปสต์เพื่อดื่มสังสรรค์กัน เหตุวุ่นวายเกิดขึ้นระหว่างเที่ยวบินนั้น และผู้โดยสารบนเครื่องบินก็ต้องเผชิญการดิ่งลงสู่เบื้องล่างและภาวะไร้น้ำหนักจากการไร้แรงโน้มถ่วง

    จากนั้นกองถ่ายก็ย้ายไปยังจัตุรัสภายนอกศูนย์การค้าที่ดูสะดุดตาในบูดาเปสต์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "The Whale" ชื่อนี้ได้มาจากรูปทรงอาคารที่หุ้มด้วยกระจกและที่ตั้งซึ่งอยู่ริมแม่น้ำ ด้วยตัวประกอบกว่า 300 คน ศิลปินสาวประเภทสองผู้โดดเด่น เวอร์กา เซอร์ดุชกา และวงของเธอ บรรเลงเพลงฮิตสากล "Dancing Lasha Tumbai" บนเวทีขนาดใหญ่ทางทิศเหนือของจัตุรัส ขณะที่เหล่าผู้ชมที่กำลังเริงร่าก็เต้นรำตามจังหวะอันเร้าใจ ซูซาน คูเปอร์ ซึ่งติดอยู่ในฝูงชน พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะเตือน ริค ฟอร์ด ว่าเขาได้ทำให้ตัวเองและผู้อื่นต้องตกอยู่ในอันตรายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อีกแล้ว

    ในเดือนมิถุนายน กองถ่ายได้กลับไปยังโรงถ่ายในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของการถ่ายทำ รวมถึงฉากที่เกิดขึ้นภายในห้องพักโรงแรมเมื่อ ซูซาน คูเปอร์ เพิ่งมาถึงเพื่อเริ่มต้นปฏิบัติการภาคสนาม เจฟเฟอร์สัน เซจ นักออกแบบงานสร้างอธิบายว่า เขาตั้งใจให้ห้องนั้นสว่างจ้าและมีสีสันตัดกันอย่างฉูดฉาดเพื่อสะท้อนถึงความรู้สึกไม่มั่นคงและความหวาดระแวงเมื่อคูเปอร์เพิ่งเดินทางมาถึง

    แน่นอนว่าความงามและสีสันของปารีสเป็นความแตกต่างอันน่าตื่นตะลึงจากห้องอันคับแคบน่าเบื่อในชั้นใต้ดินของ CIA ซึ่งซูซานและแนนซีทำงานอยู่ โครงสร้างที่สร้างขึ้นจากการเทคอนกรีตและมีอายุหลายทศวรรษได้รับการปรับปรุงใหม่แบบทำๆ หยุดๆ มานานหลายปีจนเกิดโพรงเป็นชั้นๆ และที่ว่างเหล่านี้ก็กลายเป็นที่อยู่อาศัยของ…ค้างคาว!

    จู่ๆ เจ้าสัตว์ร้ายมีปีกก็บินออกจากหลังคามาเกาะที่หัวของซูซาน ในฉากชวนขนลุก ซึ่งถ่ายทำกันตลอดสองสัปดาห์ในฉากสร้างใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็คือห้องสื่อสารของ CIA อันเป็นสถานที่ถ่ายทำช่วงสิบวันสุดท้ายของการถ่ายทำหลัก พอล ฟีก หลบอยู่ใต้โต๊ะเพื่อบังคับค้างคาวที่ติดอยู่บนก้านและควบคุมด้วยเครื่องกลให้มันโฉบไปมาอยู่รอบหัวของเมลิสซ่า

    สำหรับนักแสดงและทีมงาน ฟีกเป็นมากกว่านั้น เขาเป็นนักมายากลผู้สุขุม สง่างาม และแต่งตัวภูมิฐานซึ่งเล่นกลอยู่ในกองถ่ายทุกๆ วัน ด้วยความมีชื่อเสียง (และบางครั้งก็น่าหวั่นเกรง) ในเรื่องการโยนบทพูดและเพิ่มบทสนทนาใหม่ให้นักแสดงระหว่างเทกซึ่งอาจยาวกว่า 20 นาที แนวทางของเขาสามารถเรียกปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างฉับพลันจากนักแสดงซึ่งต้องคอยตามให้ทันเกมอยู่ตลอดเวลา

    เจสัน สเตแธม กล่าวว่า "พอลเสนอบทสนทนาใหม่ในกองถ่ายทุกวัน บางส่วนเขาก็จดไว้ในกระดาษโพสต์อิต คุณต้องตื่นตัวเต็มที่เพราะบทพูดหลายส่วนไม่ได้อยู่ในตัวบทแต่แรกและเขาก็สนับสนุนให้คุณด้านสดด้วย ผมไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนแล้วก็กังวลเรื่องนี้อยู่บ้างเหมือนกัน แต่เอาเถอะ เมื่อเข้ามาแล้วเราก็ต้องลุยให้ถึงที่สุด ผมเปิดรับการสร้างสรรค์ของพอลแล้วมันก็ออกมาดีมากเลยล่ะครับ"

 

http://www.siamdara.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X