|
"ทอม ฮาร์ดี้" นักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษ ผู้เข้าสู่สายงานด้านการแสดงจากการรับบทในซีรี่ย์สงครามสุดฮิตอย่าง Band of Brothers และประเดิมบทบาทการแสดงในภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง Black Hawk Down ซึ่งเป็นผลงานการกำกับโดย ริดลีย์ สก็อตต์ จากนั้นเขาจึงเริ่มกลายเป็นดาราดังแห่งฮอลลีวู้ดจากการร่วมแสดงกับลีโอนาโด ดิคาปริโอ ในภาพยนตร์เรื่อง Inception ตามมาด้วยการร่วมแสดงกับคริสเตียน เบล ในผลงานปิดตำนานมนุษย์ค้างคาวไตรภาคอย่าง The Dark Knight Rises
ซึ่งล่าสุดเขาได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับคุณภาพเยี่ยมมากฝีมืออย่าง ริดลีย์ สก็อตต์ อีกครั้งใน "Child 44" ภาพยนตร์ทริลเลอร์สุดเข้มข้น โดยมีพื้นฐานมาจากเหตุการณ์จริงที่สั่นสะเทือนไปทั้งประวัติศาสตร์โลกของชายผู้มีฉายาว่า "นักเชือดแห่งรัสตอฟ" ซึ่งก่อคดีฆาตกรรมเด็ก และหญิงสาวไปมากกว่า 50 ชีวิต !
เป็นอย่างไรบ้างกับการถ่ายทำในวันนี้ ?
"ผมเพิ่งจะมานั่งพักได้ไม่นานเองครับ (หัวเราะ) การถ่ายทำในวันนี้ค่อนข้างหนัก ผมต้องออกไปเล่นบทแอ็คชั่น เตะต่อยกับพวกสตั๊นท์น่ะครับ ซึ่งมันทรหดเลยทีเดียวเนื่องจากฝนตก และฉากที่ผมต้องเล่นเป็นฉากต่อสู้ซึ่งอยู่ท่ามกลางดินโคลนต่างๆ มันทำให้ผมเดิน และออกแรงลำบากจริงๆ แล้วผมก็ลื่นล้มระหว่างถ่ายทำไปหลายรอบด้วย (หัวเราะ)"
เล่าให้ฟังเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ และบทบาทที่คุณได้รับใน"Child 44"หน่อยครับ ?
"ใน Child 44 ผมรับบทเป็น "ลีโอ สเตฟาโนวิช เดมิดอฟ"ชายหนุ่มผู้อุทิศตัว และรักในประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง เขาเป็นคล้ายๆ สายลับที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานรักษาความมั่นคงของสาธารณรัฐโซเวียตเพื่อคอยดูแลรักษาความสงบในบ้านเมืองน่ะครับ ... วันหนึ่งเขาได้พบเบาะแสเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ซึ่งมีเหยื่อเป็นเด็กผู้บริสุทธิ์หลายสิบชีวิต เขาจึงต้องการนำเรื่องนี้ไปรายงานกับทางภาครัฐ แต่ว่าเมื่อนำเรื่องราวไปรายงานแล้วเขาก็โดนคำสั่งกลับมาให้บิดเบือนความจริง เพราะว่าช่วงนั้นเป็นยุคที่โซเวียตได้มีการจัดตั้งนโยบายปลอดอาชญากรรมเพื่อเป็นการประกาศแก่ชาวโลกว่า "ทุกอย่างสงบสุขดี ประเทศนี้ไม่มีอาชญากรรมเกิดขึ้น" ดังนั้นเขาจึงต้องหาทางเร่งสืบคดีนี้เองก่อนที่จะมีผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตไปมากกว่านี้"
ฟังดูเข้มข้นและน่าตื่นเต้นมากเลยทีเดียว ... ตอนนี้คุณพูดสำเนียงอังกฤษ แต่ในภาพยนตร์คุณต้องพูดสำเนียงรัสเซีย การทำงานตรงจุดนี้ยากไหมครับ ?
"ยากมาก (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าในภาพยนตร์ผมจะพูดภาษาอังกฤษ แต่ก็อย่างที่คุณรู้สำเนียงอังกฤษ และสำเนียงรัสเซียแตกต่างกันคนละแบบเลยครับ ตอนอยู่ในภาพยนตร์ผมต้องพูดให้ช้าลง ต้องออกเสียงให้ทุ้มมากขึ้น แล้วก็ต้องศึกษาพวกคำ และรูปแบบประโยคใหม่บ้างด้วยครับ เพราะว่าถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแบบรัสเซียมันจะมีการเน้นคำบางคำ หรือจังหวะการพูดในบางประโยคที่ต้องปรับเปลี่ยน"
ใน Child 44 เต็มไปด้วยทีมงานสร้าง และนักแสดงที่น่าสนใจมากมาย ช่วยเล่าความรู้สึกระหว่างการทำงานในกองถ่ายหน่อยครับ?
"คนแรกที่ผมต้องเอ่ยถึงเลยก็คือ ‘แกรี่ โอลด์แมน’ ผมร่วมงานกับเขามาหลายครั้งจนเราทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนซี้กันไปแล้ว แกรี่เป็นนักแสดงที่เก่งมากจริงๆ เขาสามารถแสดงได้ทุกบทบาทในโลกนี้ และเขาก็ช่วยฝึกซ้อม – ส่งบทกับผมในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เชื่อสิว่าถ้าคุณได้ทำความรู้จักกับเขา คุณจะต้องตกหลุมรักเขาอย่างแน่นอน ถัดมาก็คือ "นูมิ ราเพซ" นี่คือครั้งที่สองแล้วที่ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับเธอ นูมิเป็นนักแสดงมากความสามารถ เธอเป็นมิตรกับทุกคนในกองถ่าย ในเรื่องนี้เราทั้งคู่เล่นเป็นสามีภรรยากัน แต่ความสัมพันธ์ในตัวละครของพวกเรานั้นค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งเธอก็สามารถถ่ายทอดแง่มุมตรงจุดนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้อำนวยการสร้าง "ริดลีย์ สก็อตต์" และผู้กำกับ ‘แดเนียล เอสพิโนซ่า’ พวกเขามีวิสัยทัศน์ที่ดีต่อตัวภาพยนตร์มากครับ ด้วยบทภาพยนตร์ที่เข้มข้น ตอนแรกผมคิดว่าการถ่ายทำจะออกมาเคร่งเครียด แต่สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็หาวิธีการที่ทำให้การถ่ายทำของเราเต็มไปด้วยความสนุก และความเป็นกันเองได้อย่างลงตัวครับ"
คุณแสดงภาพยนตร์มาแล้วหลากหลายแนว คุณใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วรึเปล่า ?
"ใช่ครับ ผมเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดงมาตั้งแต่ตอนเด็กแล้วครับ ช่วงนั้นผมชอบดูภาพยนตร์กับคนในครอบครัว และผมก็ได้ดูภาพยนตร์ดีๆ หลากหลายเรื่องมาก บางครั้งผมก็ฝึกฝนทักษะด้านการแสดงจากการเปิดชมภาพยนตร์ที่ผมชอบซ้ำๆ หลายๆ รอบนี่ล่ะครับ ซึ่งมันเป็นวิธีการที่ช่วยผมได้มากเลยทีเดียว"
โดยปกติแล้วเนื้อเรื่องประเภทใดในภาพยนตร์ที่ดึงดูดความสนใจของคุณมากที่สุด ?
"ผมชื่นชอบภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ สืบสวนสอบสวนครับ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ชอบดูภาพยนตร์แนวนี้ครับ แต่ผมยังชอบที่จะรับบทแสดงในภาพยนตร์แนวนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากภาพยนตร์แนวนี้มักมีบทฯ ที่เข้มข้น และลุ้นระทึก ดังนั้นตัวละครที่คุณจะได้รับบทบาทก็มักจะมีความซับซ้อนอยู่ในแง่มุมต่างๆรวมอยู่ด้วย ซึ่งผมมองว่าการได้รับบทแสดงแบบนี้เป็นอะไรที่มีความท้าทายดี เพราะคุณจะต้องทำให้เหล่าผู้ชมสามารถที่จะติดตาม และนึกคิดตามตัวละครไปด้วยตั้งแต่เปิดเรื่องไปจนถึงตอนภาพยนตร์จบลง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ถ้าคุณทำได้ผู้ชมก็จะมีความสุขไปกับภาพยนตร์อย่างเต็มที่ครับ"
สำหรับ"Child 44"พร้อมฉายในไทย 16 เม.ย.นี้
http://www.siamdara.com