ด้วยประแสความคาดหวังต่างๆ นานา และโดยเฉพาะปฏิเสธไม่ได้ว่าการเสียชีวิตของ พอล วอล์คเกอร์ ทำให้ Furious 7 ภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ที่มีอายุ 14 ปีเรื่องนี้ ออกมาอย่างที่ทุกคนคิดเอาไว้คือ มันจะถล่มบ๊อกซ์ ออฟฟิศ กระจุยกระจาย กับผลงานระดับมาสเตอร์พีซในการเข้าฉายสุดสัปดาห์แรก ด้วยตัวเลขรายได้เปิดตัวกว่า $147.2 ล้าน

    ตัวเลขเปิดตัว $147.2 ล้าน ของ Furious 7 สูงสุดอันดับ 9 ตลอดกาล ตามหลัง The Avengers, Iron Man 3, Harry Potter ภาคสุดท้าย, Dark Knight สองภาค, Hunger Games สองภาค และ Spider-Man 3 ขณะที่ในตลาดโลก Furious 7 เปิดตัวทั่วโลกรวม $245 ล้าน ซึ่งต้องบอกก่อนว่ายังไม่เข้าฉายในตลาดใหญ่อย่าง จีน, ญี่ปุ่น รวมถึง รัสเซีย ที่จะเข้าอายในอีกราว 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ทำให้ตอนนี้ แค่ไม่กี่วันผ่านมา Furious 7 กดไปแล้ว $392 ล้านทั่วโลก และหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี มันน่าจะวิ่งละทุหลักพันล้านได้ก่อนจะอำลาโรง

    วกกลับมาตลาดอเมริกาเหนือ ยอดเปิตัว $147.2 ล้าน ของ Furious 7 นั้น สูงกว่า Captain America: The Winter Soldier ที่ทำได้ $95 ล้าน คิดเป็นประมาณ 51 เปอร์เซ็นต์ ที่เอา The Winter Soldier มาเทียบเนี่ย เพราะมันเป็นแชมป์เปิดตัวสูงสุดประจำเดือนเมษายน ปีที่แล้วนั่นเอง นอกจากนี้ ก็เป็นที่แน่นอนว่า Furious 7 คือภาคที่เปิดตัวได้บิ๊กเบิ้มอลังการที่สุดของแฟรนไชส์ เหนือกว่า  Fast & Furious 6 ร่วมๆ 47 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน Furious 7 มีรายได้จากการเข้าฉายเฉพาะใน IMAX ถึง $13.3 ล้านของรายได้เปิดตัวทั้งหมด ซึ่งในหมู่หนังแบบ 2D ถือว่าเป็นรายได้ที่มากสุดลำดับสองรองจาก The Dark Knight Rises

    ปรากฎการณ์ของ Furious 7 มีปัจจัยช่วยแน่นอน อย่าแรกต้องยกเครดิตให้กับภาคพี่ๆ ของมันอย่าง Fast Fiveกับ Fast & Furious 6 ที่มันสุดๆ และช่วยสร้างโมเมนตัมที่ดีเอาไว้ ซึ่ง Furious 7 เข้ามาต่อยอดได้ดี และกรุยทางสู่การเป็นภาคที่ประสบความสำเร็จที่สุด นอกจากนี้ ยังต้องชมลูกเล่นของสตูดิโอ Universal ที่เน้นเหลือเกินกับวลีที่ว่า "ซิ่งครั้งสุดท้าย" หรือ "One Last Ride" ซึ่งทำให้ชาวบ้านชาวช่องเข้าใจได้ว่านี่อาจจะเป็นภาคสุดท้ายของ Fast & Furious (แต่ดูๆ แล้วๆไม่น่าเป็นแบบนั้น) แต่หากไม่ใช่ภาคสุดท้าย มันก็ตีความได้ถึง พอล วอล์คเกอร์ ดารานำ ที่เสียชีวิตหลัถ่ายทำไปได้ครึ่งเรื่องแล้ว ช่วงปลายปี 2013   

    คอหนังของ Furious 7 นั่นถัวเฉลี่ยเท่าๆ กันระหว่างชาย-หญิงคือ 51 ต่อ 49 เปอร์เซ็นต์ แต่จะอายุเยอะหน่อยคือ 25 ปีคิดเป็น 56 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน สมมติว่าเกิดมีอะไรสักอย่างทำให้หนังรายได้หนังตกอวบฮาบเร็วกว่าที่คาดคิดเอาไว้ แต่ยังไงแล้ว Furious 7 จะทำเงินเกิน $300 ล้านอย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ทีนี้ พอหันไปมองคะแนนจาก CinemaScore ปรากฎว่าได้ A ตัวเบ้อเริ่ม แถมไม่มีคู่แข่งระดับเท่าเทียมกันอีกกว่า 3 สัปดาห์ เพราะฉะนั้น ฟันธงเลยว่างานนี้ กินยาว และมีเกิน $350 ล้านแน่นอน!!  

    มาดูอันดับอื่นๆ บ้าง เริ่มรองแชมป์คือแชมป์เก่า Home (2015) หนังแอนิเมชั่นสนุกเพลิดเพลินของค่าย DreamWorks Animation เก็บเพิ่ม $27 ตกลงมาราวๆ 48 เปอร์เซ็นต์ และเป็นตัวเลขรายได้ที่ตกลงมามากกว่า Monsters Vs. Aliens (45%) และThe Croods (39%) ถึงกระนั้น มันก็ฟันรายได้ไปแล้ว $95.6 ล้านจาก 2 สัปดาห์ ส่วนอันดับสามคือ Get Hard หนังคอมเมดี้ของ อีธาน โคเฮน ที่ได้ วิลล์ เฟอร์เรลล์ มาประกบ เควิน ฮาร์ทเก็บเพิ่ม $13.1 ล้าน ร่วงลงจากสัปดาห์แรก 61 เปอร์เซ็นต์ เป็นยอดตกลงที่น่ากลัวมากๆ สำหรับหนังคอมเมดี้ และหากนับเฉพาะหนังของ วิลล์ เฟอร์เรลล์ มันอยู่ระดับเดียวกับ  Semi-Pro หนังแป๊กปี 2008 ของเขา ที่รายได้ตกลงเท่ากันคือ 62 เแอร์เซ็นต์ โดยตอนนี้ Get Hard เก็ทไปแล้ว $57 ดูแล้ว.2ไม่น่าเกิน $100 ล้านแหยมๆ 

    เจ้าหญิง "Cinderella" อยู่อันดับ 4 ในสัปดาห์ที่ 4 ที่เข้าฉาย และเก็บเพิ่มอีก $10.2 ล้าน รายได้ตกลงจากสัปดาห์ก่อน 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ต้องไปสนใจ เพราะตอนนี้มันเป็นหนังทำเงินสูงสุดประจำปี 2015 ไปแล้ว แม้เป็นตำแหน่งที่อาจจะมีอายุยืนยาวแค่ 1 สัปดาห์ (อย่าง เร็ว) เพราะ Furious 7 เร็วแรงทะลุนรกจริงๆ อันดับ 5 สัปดาห์นี้เป็นของ Insurgent จากซีรี่ส์ Divergent รายได้ตกลงจากสัปดาห์ก่อน 54 เปอร์เซ็นต์ เก็บเพิ่ม $10.1 ล้าน รวมผ่านไป 3 สัปดาห์ หนังโกยเงินไปแล้ว $103.5ล้าน  

    "It Follows" หนังสยองขวัญเกี่ยวกับหญิงสาวที่ถูก "บางอย่าง" ไล่ล่าเอาชีวิตหลังจากไปมีซัมติ้งกับแฟน หนังเพิ่มโรงฉายอีก 437 โรง รวมมี 1,655 โรง และทำรายได้ไปเพลินๆ $2.51 ล้าน ถึงมองแล้วจะลดลงจากสัปดาห์ก่อนราว 33 เปอร์เซ็นต์ แต่รายได้เฉลี่ยต่อโรงถือว่าหนักแน่น แม้จะเพิ่มจำนวนโรงฉาย ทำให้ตอนนี้หนังของผู้กำกับฯ เดวิด โรเบิร์ต มิตเชล ที่ได้รับชมจากกูรู ทำรายได้ไปแล้ว $8.59 ล้าน 

    หนังใหม่อีกเรื่องที่ประเดิมติดท็อปเทนสัปดาห์นี้คือ Woman in Gold หนังดราม่าของผู้กำกับฯ ไซม่อนเคอร์ติส ที่มี เฮเลน เมียร์เรน กับ ไรอัน เรย์โนลด์ นำแสดง ร่วมด้วย ดานี่ยล บรูลห์ และ เคที่ โฮล์มส์ อ้างอิงจากเรื่องจริงอันน่าเหลือเชื่อของ มาเรีย อัลท์แมน หญิงชาวยิวที่ย้ายไปอยู่ที่ ออสเตรีย เพื่อหนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวจากนาซีเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่พยายามต่อสู้เรียกคืนงานศิลปะ ซึ่งเป็นผลงานของ กุสตาฟ คลิมท์ ที่ถูกขโมยจากครอบครัวของเธอในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 จากรัฐบาลออสเตรีย โดยหนังเข้าฉาย 258 โรง ทำรายได้ไป $2.1 ล้าน ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว แม้ไม่รู้ว่าระยะยาวจะเป็นยังไงก็ตาม ซึ่งประเมินแบบบวกสุดๆ น่าจะเกิน $10 ล้านได้ ขึ้นอยู่กับการผลักดันของ Weinstein Company ในช่วง 1-2 สัปเดาห์นี้ 

http://www.siamdara.com