การยกทัพอากาศชุดใหญ่ของจอร์แดน เปิดฉากถล่ม กองกำลังรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ตามฐานที่ตั้งที่เชื่อว่าอยู่ในซีเรียและอิรัก เป็นการประกาศศึกชัดเจนว่า การล้างแค้นเริ่มขึ้นแล้ว!

จากเดิมที่จอร์แดนเป็นเพียงพันธมิตรรายหนึ่งในแนวร่วมของสหรัฐอเมริกา ตอนนี้ขยับขึ้นมาอยู่ในแนวหน้าของการสู้รบ ด้วยท่าทีแข็งกร้าว

หลังจากถูกทำร้ายจิตใจแสนสาหัสในวันที่ 1 ก.พ. ด้วยคลิปวิดีโอยาว 22 นาทีถ่ายทอดการประหารชีวิตด้วยวิธี "เผาทั้งเป็น" ร.ท. มาอัซ อัล-คาสซาเบห์ นักบินหนุ่มวัย 26 ปีแห่งกองทัพอากาศจอร์แดนที่ถูกจับตัวไปตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.2557

กษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 ประมุขแห่งจอร์แดน ทรงไม่ปล่อยให้ฐานอำนาจของรัฐบาลที่ต้องพึ่งพาการรวมกลุ่มของชนเผ่าต่างๆ ในประเทศอย่างเป็นเอกภาพ รวมถึง เผ่าบาราร์เชห์ ของ ตระกูลอัล-คาสซาเบห์ ในภาคใต้ ต้องถูกสั่นคลอนไปมากกว่านี้

หลังพยายามทุกทางที่จะช่วย ร.ท.อัล-คาสซาเบห์ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับช็อกผู้คนทั่วโลก

นักบินหนุ่มไม่ได้ถูกประหารด้วยวิธีฆ่า ตัดคอแบบเหยื่อรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ แต่กลับเป็นวิธีอำมหิตเกินกว่าที่คาดคิดไว้

จอร์แดน "เอาคืน" ก่อนด้วยการประหารนักโทษที่ไอเอสขอแลกตัว คือ นางซาจิดา อัล-ริชาวี สมาชิกเครือข่ายอัลไคด้า ชาวอิรัก ที่ถูกตัดสินโทษตายในข้อหา ร่วมวางระเบิดในกรุงอัมมาน ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 60 ราย เมื่อปี 2548

ส่วนอีกรายที่ถูกประหารคือ นายซียัด การ์โบลี สมาชิกปฏิบัติการของอัลไคด้า ชาวอิรัก เป็นนักโทษประหารจากคดีสังหารชาวจอร์แดนรายหนึ่งเมื่อปี 2548

จากนั้นการยกทัพฟ้าถล่มไอเอส ตามมาอย่างฉับพลัน

จอร์แดนเรียกภารกิจโจมตีทางอากาศนี้ว่า "มรณสักขีมาอัซ" เพื่ออุทิศแก่นักบินหนุ่ม

การทิ้งระเบิดทำลายฐานที่มั่นของไอเอสอย่างต่อเนื่องหลายสิบครั้ง ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 5 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น สถานีโทรทัศน์จอร์แดนขึ้นข้อความว่า "นี่คือการเริ่มต้น และคุณจะได้รู้จักเราชาวจอร์แดน" ก่อนแสดงให้เห็นภาพประชาชนทั้งชายหญิงเขียนข้อความประณามไอเอสบนขีปนาวุธที่บรรจุติดกับเครื่องบินรบเอฟ 16 หลายสิบลำของกองทัพจอร์แดน

จากนั้นเครื่องบินทะยานออกจากฐานทัพเพื่อปฏิบัติการยิงขีปนาวุธโจมตีค่ายฝึกและคลังอาวุธของกองกำลังไอเอสในซีเรียจนราบเป็นหน้ากลอง ทั้งยังโจมตีแนวชายแดนของอิรัก ซึ่งเป็นแหล่งซ่องสุมสำคัญอีกแห่งของไอเอส

การถล่มครั้งนี้ยังมีเครื่องบินรบเอฟ 16 และเอฟ 22 ของกองทัพสหรัฐ เป็นหน่วยสนับสนุนเฝ้าระวังภัย และสำรองน้ำมันให้แก่ทีมเครื่องบินรบของจอร์แดน

ด้านนายนัสเซอร์ จูเดห์ รมว.ต่างประเทศจอร์แดน กล่าวว่า เดิมทีจอร์แดนร่วมทีมโจมตีทางอากาศ ไอเอสเฉพาะในซีเรีย แต่หลังจากนี้จอร์แดนจะโจมตีกวาดล้างไอเอสอย่างถึงที่สุด ทั้งในซีเรียและอิรักซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของกองกำลังไอเอส

ขณะเดียวกัน กษัตริย์อัลดุลเลาะห์พร้อมด้วย สมเด็จพระราชินีรานยา เสด็จเยี่ยมครอบครัวของร.ท.อัล-คาสซาเบห์ ในเมือง คารัก ทางตอนใต้ของกรุงอัมมาน

คิงจอร์แดนทรงสวมกอด นายซาฟี อัล-คาสซาเบห์ พ่อของร.ท.อัล-คาสซาเบห์ เพื่อแสดงความเสียใจ พร้อมรับสั่ง ว่าจะยกระดับการโจมตีไอเอสเพื่อตอบโต้การกระทำอันไร้ซึ่งมนุษยธรรม ขณะที่พระราชินีรานยาทรงปลอบโยน นางอันวาร์ ทารอว์เนห์ ภรรยา ร.ท.อัล-คาสซาเบห์

นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ สำนักพระราชวังแห่งจอร์แดนเผยแพร่พระฉายาลักษณ์คิงจอร์แดน ฉลองพระองค์ในชุดเครื่องแบบทหารในเพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของราชวงศ์ พร้อมกับคำบรรยายว่า "กษัตริย์นักรบ" จากการทรงเข้าร่วมกองทัพมานาน 35 ปี

ตามพระราชประวัติ ทรงจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สของอังกฤษจนจบได้พระยศร้อยตรี และทรงเข้าประจำการเป็นผู้บังคับกอง สังกัดกองทัพอังกฤษ เป็นเวลานาน 1 ปี ทรงร่วมหน่วยจู่โจมคอบร้าในฐานะนักบินเฮลิคอปเตอร์

ปี 2536 เสด็จกลับมาประจำการเป็นผู้บังคับ การกองกำลังพิเศษของ กองทัพจอร์แดน กระทั่งได้รับพระยศพลตรี ใน ปี 2541 อีกปีถัดมาทรงเสวยราชสมบัติเป็นประมุข จอร์แดน

การดำรงความสัมพันธ์ ใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐทำให้ทรงถูกประชาชนบางกลุ่มวิจารณ์ โดยเฉพาะ ในช่วงที่ ร.ท.อัล-คาสซาเบห์ ถูกจับตัวไป ประเด็นดังกล่าวถูกปลุกเร้าว่าทำให้ชาวจอร์แดนต้องตกเป็นเหยื่อของไอเอส ทั้งที่คนส่วนใหญ่เป็นนิกายสุหนี่ที่ไม่ควรต้องเป็นเป้าหมาย

กระทั่งนักบินหนุ่มถูกประหารอย่างโหดเหี้ยมเกินกว่าที่ใครจะ คาดคิด บรรยากาศที่ปกคลุมไปทั่วจอร์แดนแตกต่างจากในญี่ปุ่นเมื่อครั้งหลังตัวประกัน เคนจิ โกโตะ ถูกฆ่าตัดศีรษะ เพราะความโศกเศร้านั้นมาพร้อมกับความโกรธแค้นที่เป็นบรรยากาศปกคลุมไปทั่วประเทศ

ในช่วงเวลานั้น คิงจอร์แดนเสด็จไปสหรัฐและพบประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก่อนร่นระยะเวลาการเดินทางลงเพื่อรีบเสด็จกลับมาราชอาณาจักรจอร์แดน

จากนั้นตรัสประณามการกระทำอัน "ให้อภัยไม่ได้" ของไอเอส และประกาศการเอาคืนอย่างสาสม

บัดนี้ปฏิบัติการนั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว