|
แม้เราจะทราบกันดีว่า ในการปฏิสนธินั้น จำเป็นต้องมีไข่สุก 1 ใบ กับเชื้ออสุจิ 1 ตัว จึงจะประสบความสำเร็จ แต่ถ้ามันง่ายเช่นนั้น คู่สามีภรรยาจำนวนมากคงไม่ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อการมีบุตรเป็นแน่
เพราะเหตุใดน้ำอสุจิของผู้ชาย ซึ่งประกอบด้วย สเปิร์มประมาณ 300 ล้านตัว จึงมีเชื้ออสุจิเพียงตัวเดียวที่สามารถเดินทางไปถึงไข่ เพื่อทำการปฏิสนธิได้ ในขณะที่ตัวอื่นๆ ตายเรียบ การเดินทางที่น่าสนใจของเหล่าเชื้ออสุจิจะนำเราไปหาคำตอบ และทีมวิจัยอังกฤษ คิดว่า พวกเขามีคำตอบดีๆ สำหรับคำถามนี้แล้ว ซึ่งเชื่อว่า การค้นพบนี้จะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อการผสมเทียมให้ได้ผลสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น
เป็นการร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัย Warwick และมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ซึ่งทีมวิจัยได้ทำการศึกษาการเดินทางของเหล่าเชื้ออสุจิ และพบว่า มีเชื้ออสุจิจำนวนมากที่หลงทาง วิ่งชนกันเอง บ้างก็พุ่งชนผนังช่องคลอด มดลูก ท่อนำไข่ หรือบางตัวก็กลัวที่จะพุ่งไปตรงๆ จนต้องคลานกระดึ๊บๆ ไปตามผนังแทนอยู่ด้วย
ดร.Peter Denissenko นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Warwick กล่าวว่า “เราแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เมื่อได้เห็นเชื้ออสุจิบางตัววิ่งไปชนผนังช่องคลอดเข้าอย่างจัง จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางวิ่งไปชนผนังช่องคลอดอีกด้านหนึ่งแทนที่จะไปตามทางที่ถูกต้อง”
นั่นจึงไม่แปลกที่เชื้ออสุจิตัวที่ประสบความสำเร็จ คือ ตัวที่เก่งพอจะสามารถลัดเลาะผ่านความซับซ้อนภายในช่องคลอดและมดลูก จนไปเจอไข่ได้นั่นเอง ซึ่งนักวิจัยเผยว่า ตัวที่ประสบความสำเร็จ คือ ตัวที่เลือกทางที่ซับซ้อนน้อยที่สุด และมีความสามารถในการเดินทางอย่างน่าสนใจ เช่น พวกมันสามารถหักเลี้ยวได้อย่างสวยงามในช่วงที่เป็นที่แคบ หรือสามารถหลบมุมอันตรายมาได้ ในขณะที่สเปิร์มตัวอื่นๆ อาจไม่สามารถทำได้
โดยการวิจัยพบว่า จากเชื้ออสุจิประมาณ 300 ล้านตัว ที่ถูกปล่อยออกมาในระหว่างมีเซ็กซ์ จะมีเพียง 20-30 ตัวเท่านั้น ที่สามารถเดินทางไปถึงไข่เพื่อทำการปฏิสนธิได้ และมีเพียง 1 ตัวเท่านั้นที่บรรลุเป้าหมาย
นอกจากนั้น งานวิจัยก่อนหน้านี้ของทางทีมวิจัยเดียวกัน ก็ชี้ว่า รูปร่างของส่วนหัวของสเปิร์มมีผลต่อการเดินทางของตัวสเปิร์มด้วย
ดร.Jackson Kirman-Brown จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม กล่าวว่า “เมื่อรวมกับข้อมูลชุดนี้ เราเชื่อว่า เราได้วิธีใหม่ในการคัดเลือกสเปิร์มเพื่อทำการผสมเทียมได้ดียิ่งขึ้นแล้วนั่นเอง”
เรียบเรียงจากเดลิเมล
ที่มา http://www.manager.co.th/