รอยเตอร์สชี้กระแสการประท้วงในไทยเริ่มแผ่วแต่ยังประท้วงต่อเนื่อง เผยการประท้วงทำไทยสูญเงินแล้วกว่า 1.3 แสนบาท

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2557 สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานความคืบหน้าการชุมนุมล้มรัฐบาลในไทยว่า กระแสการประท้วงในไทยเริ่มจะแผ่วลงบ้างแล้วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การชุมนุมที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือนนี้ได้ทำให้เงินลงทุนจากต่างชาติไหลออกนอกประเทศกว่า 1.3 แสนล้านบาทแล้ว

รายงานระบุว่า การประท้วงในไทยยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ชัตดาวน์กรุงเทพฯ กำลังจะเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แต่เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ชุมนุมที่มาเข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงทั่วกรุง โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำนั้น กลับพบว่าจำนวนผู้ประท้วงลดลงมาก บางจุดมาชุมนุมกันไม่ถึง 100 คน ขณะที่การชุมนุมดูเหมือนจะอันตรายมากขึ้น เมื่อมีการปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมและลอบยิงการ์ดหลายจุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยการโจมตีครั้งใหญ่ ๆ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม เกิดเหตุปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุมย่านถนนบรรทัดทอง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 35 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย จากนั้นเมื่อวันที่ 19 มกราคม ก็เกิดระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 ครั้ง ใน 2 จุด หลังเวที กปปส. ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 29 ราย โดยในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 7 ราย นอกจากนี้ยังมีการลอบยิงการ์ดที่บริเวณสะพานมัฆวานด้วย

จากการชุมนุมที่มีความการลอบป่วนหลายครั้ง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เปิดเผยว่า คนไทยทุกคนต้องช่วยเหลือกันและกันในการดูแลประเทศ ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและรัฐบาลเป็นไปอย่างปกติราบรื่น คนไทยต้องเคารพกฎหมาย ตัวเขาเองก็เคารพกฎหมายและเคารพความเห็นของทุกฝ่าย จึงขอให้ทุกฝ่ายได้หันหน้าคุยกันด้วยสันติวิธีเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ

ส่วนทางด้านกองทัพบกนั้น ดูเหมือนจะยังคงสงวนท่าทีเช่นเดิม แม้จะมีการคาดการณ์และมีการปล่อยข่าวลือออกมาหลายระลอกว่า กองทัพจะก่อรัฐประหารเพื่อยุติวิกฤตการเมืองดังกล่าว แต่ก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ยังคงพาผู้ชุมนุมเดินขบวนประท้วงตามจุดต่าง ๆ รอบกรุง พร้อมเรียกร้องให้คนต่างจังหวัดลุกขึ้นปิดหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ เพื่อให้งานรัฐเป็นอัมพาต แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เสียงตอบรับของประชาชนต่างจังหวัดน้อยมาก โดยเฉพาะในหลายจังหวัดที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนพรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกัน ทางด้านรัสเซียทูเดย์ สื่อแนวหน้าของรัสเซียได้ตีข่าวเกี่ยวกับผลกระทบจากการประท้วงในไทยที่ดำเนินมานานกว่า 3 เดือนว่า นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ไทยได้สูญเสียรายได้จากการลงทุนของต่างชาติไปแล้วเกือบ 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.3 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับ "บลูมเบิร์ก" สื่อดังของอเมริกา ที่รายงานว่า ตอนนี้บรรดากองทุนระดับโลกได้ถอนหุ้นออกจากไทยไปแล้ว ทำให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลง ซึ่งถ้าหากวิกฤตการเมืองยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ ก็จะยิ่งทำให้นักลงทุนลังเลใจที่จะมาลงทุนในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม