อุบัติเหตุสยอง ! รถพ่วงเสียหลักตกถนน ว่าจ้างรถยกมาช่วยดึง แต่คนขับสะเพร่าขึงสลิงขวางถนนโดยไม่มีคนให้สัญญาณ ด้านกระบะขับมามองไม่เห็น พุ่งชนอย่างจัง ดับคาที่ 3 ศพ หัวขาดกระเด็น

            เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 9 กันยายน 2556 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุว่า รถกระบะถูกสลิงของรถพ่วงเฉือนหลังคาขาด ตัดคอคนขับและผู้โดยสารอีก 2 คนดับคาที่ บริเวณถนนสายพระแท่น-ดอนรักษ์ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

            ทั้งนี้ เมื่อไปถึงยังที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 6 ล้อ ที่ให้บริการยกรถ จอดขวางถนน 1 เลน และมีลวดสลิงขนาดใหญ่ผูกติดกับรถพ่วง 18 ล้อตัวลูก ซึ่งตกลงไปข้างทาง ทำให้ลวดสลิงดังกล่าวขึงตึงอยู่กลางถนนเลนซ้ายในระดับสูงประมาณ 1 เมตร ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า 4 ประตูสีขาว ทะเบียน กต 932 กาญจนบุรี ในสภาพหลังคาและกระจกหน้าถูกตัดขาดกระจุยไปทั้งแถบ

            ส่วนภายในรถพบศพ นายวิโรจน์ แพงทอง อายุ 44 ปี คนขับรถยนต์กระบะ สภาพศพไร้ศีรษะ เนื่องจากศีรษะถูกลวดสลิงตัดคอขาดกระเด็นตกลงไปกลางถนน 200 เมตร ขณะที่เบาะหลังคนขับพบศพ นางแอปเปิ้ล แพงทอง อายุ 29 ปี และนายสมบัติ พนมวัน ณ อยุธยา อายุ 40 ปี ในสภาพร่างกายแหลก ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำศพไว้ที่โรงพยาบาลมะการักษ์ และติดต่อญาติผู้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งบรรดาญาติเมื่อเห็นสภาพศพต่างร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าโศก สร้างความสลดใจให้แก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

            จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ในช่วงสายของวันเกิดเหตุ คนขับรถพ่วง 18 ล้อ เกิดเสียหลักพลิกคว่ำตกลงไปข้างทาง จึงได้ว่าจ้างให้รถบรรทุก 6 ล้อ ที่บริการยกรถมายกรถพ่วงขึ้นมา โดยคนขับรถยกได้ขึงลวดสลิงขนาดใหญ่ผูกติดกับรถพ่วงตัวลูก จากนั้นก็พยายามลากรถพ่วงตัวลูกขึ้นมา และขณะที่รถยกกำลังลากรถพ่วงไปทางเลนขวา ก็ทำให้สลึงขึงตึงเลนซ้ายขวางถนนเอาไว้ โดยไม่มีป้ายเตือน หรือมีคนส่งสัญญาณให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบแต่อย่างใด

            ต่อมานายวิโรจน์ คนขับรถกระบะได้ขับมายังเส้นทางดังกล่าว และเมื่อเห็นรถยกจอดขวางเลนขวาอยู่ จึงเปลี่ยนเลนมาทางซ้าย โดยไม่เห็นว่ามีลวดสลิงขนาดใหญ่ขึงขวางถนนอยู่ จึงชนเข้าอย่างจังทำให้ลวดสลิงตัดด้านหน้ากระจกรถ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว

            อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุคนขับรถ 6 ล้อ ได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนเพื่อติดตามคนขับ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป