“สายัณห์” ออก รพ.ไปเยี่ยมน้องที่พุทธมณฑลสาย 3 และเดินทางไปไหว้พระ รวมถึงดูสถานที่จัดคอนเสิร์ต ที่จะมีขึ้นวันที่ 31 ส.ค.-1 ก.ย. นี้ ที่วัดไร่ขิง ด้านเจ้าตัวไม่มีสติเผลอเหวี่ยง คาดอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาและผลข้างเคียงของโรคที่ทำให้อารมณ์แปรปรวนฉุนเฉียวง่าย

ความเคลื่อนไหว วันนี้ (27 ส.ค.) แพทย์อนุญาตให้ “เป้า สายัณห์ สัญญา” ไปไหว้พระที่วัดไร่ขิง จ.นครปฐม เปลี่ยนบรรยากาศ หลังนอนอยู่ รพ.ธนบุรี นานกว่า 2 สัปดาห์ ขณะที่สภาพร่างกายยังคงมีอาการบวม และตัวเหลือง เนื่องจากการทำงานของตับเริ่มทรุดลงมากยิ่งขึ้น ต่อมาเวลา 13.30 น. นพ.ประสิทธิ์ เจียรกุล ผอ.ฝ่ายการการแพทย์ รพ.ธนบุรี ในฐานะแพทย์เจ้าของไข้ พร้อมด้วย นพ.วชิรบุณย์ ศาสตระรุจิ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.ธนบุรี เข้าไปตรวจอาการ เป้า สายัณห์ ภายในห้อง ก่อนที่ นพ.ประสิทธิ์ เปิดเผยว่า อาการไข้วัดได้ 37.4 องศาเซลเซียล รับประทานนมและอาหารเสริมได้ ส่วนอาหารปกติที่ รพ.จัดให้ยังไม่ยอมทาน อาการตาเหลืองตัวเหลือง ยังคงเดิมคือค่าประมาณเกือบ 2 บวก จากที่อันตรายที่สุด 4 บวก ยังบวมที่เท้า และท้องอยู่ แต่ว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะว่า คนไข้ไม่ค่อยรับประทานอาหาร แต่เหตุที่น้ำหนักเพิ่มเนื่องจาก ของเสียค้างอยู่ภายใน เนื่องจากสารอัลบูมินในตับไม่สามารถดูดซึมของเสียออกมาได้ และอาจจะทำให้มีโอกาสบวมมากขึ้น

ทั้งนี้ นพ.ประสิทธิ์ ได้เผยถึงสภาพร่างกายของ สายัณห์ ว่าสามารถเดินทางไปวัดไร่ขิงได้หรือไม่ เจ้าตัวก็เผยว่า “โอกาสเสี่ยงมันมีอยู่ทุกที่ แต่ขณะนี้สภาพร่างกายเท่าที่ตรวจดูจากสัญณาณชีพ ความดันปกติ ความรู้สึกตัว ขยับเขยื้อนตัวได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน สามารถเดินทางไปเปลี่ยนอิริยาบถได้ แต่แนะนำให้ใช้รถพยาบาล เพราะมีทั้งพยาบาล เจ้าหน้าที่ และเครื่องมือพร้อมทุกอย่างหากเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามอย่าให้คนไข้ถูกฝน เพราะจะทำให้เป็นหวัดอาจจะกระทบถึงโรคได้ และให้ไปเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นและกลับมาพักที่ รพ.ธนบุรี ต่อ

ด้าน นายมานิตย์ อังกินันทน์ ผจก.ส่วนตัว สายัณห์ กล่าวว่า “พี่เป้าบ่นว่าอยากจะไปไหว้พระที่วัดไร่ขิง และไปเยี่ยมน้องๆ ที่ถนนพุทธมณฑลสาย 3 พอดีวันนี้เลยขออนุญาตหมอ พาพี่เป้าออกไป เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง บอกกับหมอว่า จะไปไม่เกิน 2 ชั่วโมงแล้วจะกลับมา แพทย์ก็อนุญาต

จากนั้นเวลา 14.24 น. สายัณห์ ได้นั่งรถเข็นของ รพ.ออกจากห้องพักฟื้น โดยขุนพลเพลงลูกทุ่งชื่อดัง อยู่สวมเสื้อโปโลขาวลายขวางเขียว กางเกงแสลกสีดำ สวมหมวกไหมพรมสีดำ มีสีหน้าสดใส โดยใช้หน้ากากปิดปาก ออกห้องพร้อมด้วย แพทย์แผนไทย นายภานุกร ปริสุธี (พท.ว./พท.ภ.), นางวรรณพร สัมฤทธิ์ ภรรยา พร้อมด้วย น้องเบสท์ สวามิณี ดีเสมอ ลูกสาวคนโต นายมานิตย์ ผจก.ส่วนตัว และทีมแพทย์และพยาบาลมาดูแลอย่างใกล้ชิด ก่อนขึ้นรถตู้ของ รพ.ธนบุรี ออกจาก รพ.ธนบุรี ไปที่บริษัท โฟร์เอส (ไทยแลนด์) จำกัด อยู่ที่หมู่บ้านกฤษดานคร 16 ถนนพุทธมณฑลสาย 3

ทันทีที่ไปถึง นายมานิตย์ ศรีเลี้ยง เจ้าของบริษัท นำอาหารประกอบด้วย ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ปลาหิมะนึ่งซีอิ้ว และข้าว ให้ เป้า สายัณห์ รับประทาน ซึ่งสามารถรับประทานอาหารได้มากเป็นพิเศษ กระทั่งเวลา 16.30 น. เดินทางต่อไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ โดย เป้า สายัณห์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าสดชื่นอย่างอารมณ์ดีว่า “วันนี้มีความสุขมาก ที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศออกมาจากโรงพยาบาล” ผู้สื่อข่าวถามว่า เหนื่อยไหมวันนี้ เป้า สายัณห์ กล่าวว่า “ไม่เหนื่อย อยากให้เหงื่อออก แล้วรู้สึกสบายตัวดี”

จากนั้นเดินทางต่อไปกราบนมัสการหลวงพอวัดไร่ขิ่ง ภายในอุโบสถวัดไร่ขิง จ.นครปฐม โดยมีพระราชวิริยาลังการ เจ้าคณะอำเภอพุทธมณฑล เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง โดยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงมอบพระพุทธรูปบูชาหลวงพ่อวัดไร่ขิงหน้าตัก 5 นิ้ว พร้อมด้วยสร้อยเงิน และพระหลวงพ่อวัดไร่ขิง รุ่นกรรมการ กรอบเงิน 1 องค์ พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งที่แฟนเพลงมอบไว้ให้ จากนั้นพระสงฆ์ จำนวน 5 รูป ร่วมกันสวดนพเคราะห์ ก่อนจะที่เจ้าอาวาสจะให้พรว่า “กินข้าว ยาให้ครบ หายใจเอาไว้ แล้วจะสบาย ปลอดภัย ไร้โรค อยู่ดีมีสุข”

ขณะที่ สายัณห์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี แต่พูดคุยไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าที่ควร และมีบางคำถามที่ต่อว่านักข่าวเนื่องจากเข้าใจคำถามผิด ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาและผลข้างเคียงของโรคที่ทำให้มีอาการหลงๆ ลืมๆ และอารมณ์แปรปรวนฉุนเฉียวง่ายพูดอะไรออกไปเลยไม่ทันคิด

“คอนเสิร์ตจัดในวันไร่ขิง 2 วัน วันที่ 31 สิงหาฯ และวันที่ 1 กันยาฯ ที่จะถึง เมื่อกี้ขอพรพระวัดไร่ขิงก็ให้นักข่าวทุกคน แล้วก็แจกจ่ายกันไปว่าเจอกันแน่ เจอกันแน่ พี่เป้า สายัณห์ สัญญา นั้นเจอกันแน่ วันที่ 31 สิงหาฯ และวันที่ 1 กันยาฯ คิดว่าทุกอย่างน่าจะไม่ผิดหวังเป็นครั้งที่ 3 หรือเป็นครั้งแรกของสุพรรณบุรี ฉะนั้นคิดว่าทั้งนี้ประชาชนชาวไทยจะไม่ผิดหวัง”

พร้อมเผยถึงการที่ได้ออกจาก รพ.มาเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกกว่าเหมือนออกจากคุก
“มันก็รู้สึกว่าเหมือนอยู่ในคุกอยู่ในกรงเหมือนได้ถูกปล่อยออกจากกรง แต่คงไม่ไปไหนต่อเพราะอยากเก็บแรงไว้ขึ้นคอนเสิร์ต”

แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามเจ้าตัวว่าวันนี้เหนื่อยไหม เจ้าตัวกลับตอบกลับอย่างไม่พอใจว่า อยากให้จากกันใช่ไหม ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาและผลข้างเคียงของโรคที่ทำให้มีอารมณ์แปรปรวนฉุนเฉียวง่ายพูด
“คืออยากให้จากกันใช่ไหมละ ไม่อยากที่จะจบกันอีก นี่คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”

ไม่จบกันอีกหมายความว่ายังไงคะ?
“ไม่ใช่หมายถึงว่า คิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ สมมติคนดีประชาชนทั่วไป”

มานิตย์ ผจก.ส่วนตัว : “ต้องมีล่าม”

ขอโทษค่ะหนูเข้าใจผิด?
“คนอย่างเธอเหรอเข้าใจผิด อายุเท่าไหร่แล้ว รอบเดือนกี่ครั้งแล้ว ไม่ได้ต้องถามแรง”
มานิตย์ ผจก.ส่วนตัว : “น้องเขาไม่รู้ความหมาย”

สายัณห์ : “ไม่รู้ความหมายจะจบกฎหมายได้ยังไง”

ทำไมถึงไม่ยอมรับการรักษาคีโม?
“ทำไมไม่ไปถามญาติๆ”

http://www.manager.co.th