นิวยอร์กไทมส์ตีพิมพ์บทความเชิงวิเคราะห์ พรรคประชาธิปัตย์สลัดคราบผู้ดี ลดตัวลงมาปลุกระดมประท้วงตามท้องถนน

            เมื่อ วันที่ 25 สิงหาคม 2556 เว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐฯ เปิดเผยบทความเชิงวิเคราะห์การเมืองไทยของนายโทมัส ฟูลเลอร์ เนื้อเรื่องโดย พลอยปิติ อมตธรรม ที่ระบุว่า ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ละทิ้งภาพลักษณ์ ของความสุภาพ สงบ และความเป็นปัญญาชน มาใช้วิธีปลุกระดมประชาชนให้ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลตามท้องถนนแล้ว

            รายงานระบุว่า ทุกวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ปลุกระดมประชาชนจำนวนมากให้ออกมาเดินขบวน ประท้วงในรูปแบบของอาหรับสปริง ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้ทำให้คนไทยหลายคนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยก่อนนี้ มีภาพลักษณ์ที่สุภาพ นิ่งขรึม แตกต่างจากตอนนี้ที่พยายามจุดชนวนการประท้วงต่อต้านรัฐบาล แสดงให้เห็นความแตกแยกในประเทศไทย และทำให้ภาพบรรยากาศความรุนแรงของการประท้วงทางการเมืองในปี 2553 ที่มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 90 คนนั้น ฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง

            นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยบนเวทีผ่าความจริง ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า เรากำลังรวมกลุ่มคนที่ถูกรัฐบาลนี้ทิ้งไว้ข้างหลัง เราจะลุกฮือขึ้นมาและต่อสู้ไปด้วยกัน
 

            สำหรับสาเหตุหลักที่นำมาซึ่งการปลุกระดมประท้วงของพรรคประชาธิปัตย์นั้น คือแผนการผ่านร่าง พรบ.นิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย เพราะหวั่นจะนำมาซึ่งการทำลายสถาบันกษัตริย์ หรือก่ออาชญากรรมร้ายแรง แต่อีกหนึ่งเหตุผลของการปลุกระดมประท้วงของพรรคประชาธิปัตย์ ดูเหมือนจะเป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์รู้สึกไร้ซึ่งอำนาจในการเผชิญหน้ากับ การหวนคืนของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดีคอร์รัปชั่นอยู่ต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2551 และนับตั้งแต่สูญเสียตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปเมื่อ 2 ปีก่อน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ก็อยู่ภายใต้แรงกดดันมาโดยตลอด เขา ถูกกล่าวหาว่าสังหารผู้ประท้วงจากการปะทะกันทางการเมืองปี 2553 และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถเข้าถึงคนรากหญ้าได้ โดยเฉพาะคนรากหญ้าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ที่มีจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของประชาชนทั้งประเทศเลยทีเดียว

            ขณะ ที่ด้านนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดูเหมือนจะพยายามให้ประเทศชาติกลับสู่ความปรองดองโดยเร็ว โดยหลังจากการปราศรัยบนเวทีของพรรคประชาธิปัตย์เกิดขึ้นเพียง 1 วัน นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ได้จัดการประชุมความปรองดองแห่งชาติ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมเข้าร่วม เพราะเลือกที่จะต่อชุมนุมประท้วงตามท้องถนน

            อย่างไรก็ดี ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จะออกมารวมตัวประท้วงกันหรือไม่ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนและฝนตกหนักของประเทศไทยช่วงนี้ แต่จากการสัมภาษณ์ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์บางคน ก็พบว่าพวกเขายังคงลังเลที่จะไปเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาล และเผยว่าหากสภาพอากาศและสถานที่ไม่เอื้อ ก็คงติดตามอยู่ที่บ้านดีกว่า

            ขณะ ที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ได้แสดงความเห็นถึงการชุมนุมประท้วงบนท้องถนนว่า เขาเคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนและพบว่ามันเหนื่อยและสิ้นเปลืองมาก ไม่มีใครชนะ เราทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ นั่นไม่ใช่หนทางที่นำมาซึ่งทางออกของปัญหาเลย พร้อมกันนี้เขายังได้แสดงความเห็นต่อการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่นำโดยพรรคประ ชาธิปัตย์ว่า ภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์แต่ก่อนนี้ดีมาก สง่าและดูภูมิฐาน เหมือนกับมาราโดน่าบนสนามฟุตบอล แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นมาราโดน่าลดตัวลงมาเล่นฟุตบอลข้างถนนเสียแล้ว