สหรัฐฯ ประณามซีเรีย สังหารประชาชนแล้วทำลายหลักฐาน เตือนซีเรียเตรียมรับผลกรรมจากปฏิบัติการตอบโต้ ด้านรัสเซียเผยท่าทีหนุนหลังซีเรียอย่างเห็นได้ชัด

            เมื่อ วันที่ 26 สิงหาคม 2556 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า จอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ได้ออกมาประณามซีเรีย พร้อมเผยว่ารัฐบาลซีเรียไม่อาจปฏิเสธการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนได้ ไม่ว่าจะแก้ตัวอย่างไร และมีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐฯ จะปฏิบัติการทางการทหารตอบโต้ต่อการกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมนี้ แม้ก่อนหน้านี้ซีเรียและอิหร่านออกมาเตือนว่าอย่าล้ำเส้นแล้วก็ตาม

            โดยจากคำแถลงการณ์ของนายจอห์น เคอร์รี่ ระบุว่า การสังหารหมู่พลเรือนของตน การเข่นฆ่าผู้หญิง เด็ก และผู้บริสุทธิ์ ด้วยอาวุธเคมีนั้น เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักศีลธรรม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด มันเป็นสิ่งที่อภัยให้ไม่ได้ และไม่ว่าจะแก้ตัวหรือบอกปัดอย่างไร ซีเรียก็ไม่สามารถปฏิเสธการใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชนได้

            นอก จากนี้ เคอร์รี่ยังเปิดเผยอีกว่า การที่รัฐบาลซีเรียปฏิเสธไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่รอบกรุง ดามัสกัสทันทีที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ตามด้วยการปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลซีเรียพยายามจะปกปิดและทำลายหลักฐานการใช้อาวุธเคมี ซึ่งแม้ว่าตอนนี้รัฐบาลซีเรียจะอนุญาตให้ทางสหประชาชาติเข้าไปสืบสวนในช่วง สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไปในการแสดงความบริสุทธิ์ใจ

            ส่วนปฏิบัติการสืบสวนพื้นที่เกิดเหตุของผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาตินั้น เคอร์รี่เปิดเผยว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเดินทางเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ก็มีมือมืดยิงสไนเปอร์ขัดขวางการทำงานแต่ไม่สามารถขัดขวางได้ ทีมสืบสวนจึงสามารถเข้าถึงโรงพยาบาล 2 แห่ง ก่อนจะเข้าไปสัมภาษณ์พยานและแพทย์ รวมถึงเก็บตัวอย่างอาการของผู้ป่วยมาตรวจสอบด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้แล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมและทบทวนข้อมูลที่ได้มา ความจริงจะเปิดเผยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

            อย่าง ไรก็ดี ทางด้านรัสเซีย นับตั้งแต่เกิดเหตุ ก็มีท่าทีว่ายังคงหนุนหลังรัฐบาลซีเรียอย่างเห็นได้ชัด และอาจขัดขวางมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการจัดการรัฐบาล ซีเรียด้วย โดยนายเซอร์เกา ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ได้ออกมาเตือนสหรัฐฯ ว่า การแทรกแซงใด ๆ โดยปราศจากมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินั้น เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และเตือนถึงผลลัพธ์ที่ร้ายแรงจากการแทรกแซงโดยใช้กำลังทหารต่อซีเรียด้วย

            ส่วนทางด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็ยังคงมีท่าทีคลางแคลงใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ โดยเขาได้พูดคุยกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษว่า ยังไม่มีหลักฐานใดที่พิสูจน์ได้แน่ชัดว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหาร พลเรือนของตน

            ทั้ง นี้ แม้จะไม่มีการเปิดเผยออกมาชัดเจนว่าสหรัฐฯ รวมถึงชาติตะวันตกจะจัดการอย่างไรต่อการใช้อาวุธเคมีสังหารหมู่ในซีเรีย ครั้งนี้ แต่ก่อนหน้านี้ ก็มีรายงานว่าออกมาแล้วว่า สหรัฐฯ ได้ส่งเรือรบติดอาวุธไปประจำการอยู่ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เรียบร้อยแล้ว